fbpx

โรคไตในเด็ก อันตรายรุนแรงที่ป้องกันได้จากการทานอาหาร

Writer : nunzmoko
: 3 มีนาคม 2563

หากพูดถึงโรคไต หลายๆ คนอาจคิดว่าเป็นโรคของผู้ใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารของเด็กที่ทานประเภทฟาสต์ฟู้ด ซึ่งมีแป้ง ไขมัน น้ำตาลและเกลือมาก ผลมาจากการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมนี้ จนเกิดเป็นปัญหาโรคแทรกซ้อนตามมา และทำให้พบผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคไตเพิ่มขึ้นทุกปีและเพิ่มสูงมากขึ้นจนน่ากลัว

สาเหตุของโรคไตในเด็ก

เด็กเล็ก 0-5 ปี มักเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างของไตและระบบทางเดินปัสสาวะตั้งแต่กำเนิด เช่น ภาวะอุดกั้นของระบบทางเดินปัสสาวะ ภาวะปัสสาวะไหลย้อน ภาวะเนื้อไตผิดปกติแต่กำเนิดซึ่งถ่ายทอดทางพันธุกรรม เป็นต้น

เด็กโต 5 ปีขึ้นไป มักเกิดจาก ภาวะไตอักเสบ อาจเกิดภายหลังการติดเชื้อแบคทีเรียที่ลำคอหรือผิวหนัง หรือเกิดจาก โรคเอสแอลอี (SLE) หรือกลุ่มอาการเนโฟรติก (nephrotic syndrome) โดยมีสาเหตุที่พบบ่อย คือ โรคเบาหวาน และความดันสูงเหมือนกับผู้ใหญ่ เนื่องจาก ภาวะเด็กอ้วน ซึ่งทำให้เกิดโรคดังกล่าวตามมา เพราะรูปแบบการทานอาหารที่หวานจัดและเค็มจัดเกินไป รวมทั้งขาดการออกกำลังกาย

สัญญาณเตือนของโรคไต

  • ปัสสาวะมีความผิดปกติ เช่น เป็นฟอง สีแดงหรือสีน้ำล้างเนื้อ
  • ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบขัด ออกกระปริบกระปรอย
  • อาการบวมหน้า หนังตา ขาหรือบวมทั่วตัว
  • อาการอื่นๆ เช่น ซีด เหนื่อยง่าย หรือตัวเล็ก

การป้องกันโรคไตในเด็ก

1. ลดการบริโภคโซเดียมลง

การลดบริโภคโซเดียมลงมาต่ำกว่า 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยลดภาวะเสี่ยงต่อโรคหัวใจอย่างน้อย 10% ให้ลูกหลีกเลี่ยงการทานขนมถุงต่างๆ เพราะนอกจากจะมีโซเดียมสูงแล้วยังมีคุณค่าทางโภชนาการต่ำอีกด้วย

2. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ

ดูแลเรื่องโภชนาการโดยลดการบริโภคเกลือและต้องดื่มน้ำให้พอเพียง เมื่อรู้ว่าวันไหนลูกทานอาหารที่มีโซเดียมสูง ควรให้ลูกดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อขับโซเดียมในร่างกายออกมาค่ะ

3. ชวนลูกไปออกกำลังกาย

การรับประทานอาหารในปริมาณที่มากเกินไปและการไม่ออกกำลังกาย ส่งผลเสียต่อการทำงานของไตในเด็ก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมให้ลูกได้ออกไปเล่นตามวัย หรือชวนกันไปออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่ดีกันทั้งครอบครัว

4. ลดอาหารบางชนิดในกลุ่มเด็กที่มีอาการไตวายเรื้อรัง

สำหรับในกลุ่มไตวายเรื้อรัง ต้องปรับลดโปรตีน โปแตสเซียม และฟอสเฟต จากนมวัว ผัก ผลไม้ มันฝรั่ง และน้ำอัดลม

5. ให้ลูกคุ้นชินกับรสชาติอาหารที่รสไม่จัด

สร้างความคุ้นชินของรสชาติอาหารให้กับลูก โดยการทำอาหารหรอเลือกอาหารที่ลดเค็มจัด หวานจัดลงทีละน้อย จนกว่าร่างกายของเด็กจะคุ้นชินกับรสชาติ เพื่อต่อไปจะได้ไม่ติดรสชาติเค็มหรือรสหวานเกินไปจนทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคไต

โรคไตในเด็ก ถ้าหากไม่รีบทำการรักษาหรือป้องกันแต่เนิ่นๆ ก็อาจนำไปสู่สภาวะไตวายระยะสุดท้ายได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจโภชนาการและดูแลพฤติกรรมการทานอาหารของเด็กๆ หมั่นพาลูกไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้การตรวจสุขภาพก็เป็นสิ่งจำเป็นค่ะ

ที่มา – rakluke

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ป้อนข้าวลูกยังไงให้ทานได้เยอะ?
ข้อมูลทางแพทย์
ท้องตอนอายุ 35 มีปัญหาหรือไม่ ?
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save