fbpx

การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

Writer : blahblahboong
: 22 มีนาคม 2561

จนถึงวันนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคพิษสุนัขบ้า ยังไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลงไปเลย ยิ่งมีผู้เสียชิตวิตจากการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ยิ่งทำให้คุณพ่อคุณแม่อย่างเราต้องระมัดระวังหาแนวทางป้องลูกรักให้ห่างไกลจากโรคพิษสุนักบ้ามากขึ้น

การฉีดวัคซีนเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด แต่ควรจะฉีดตอนไหนให้ทันท่วงที ไม่ติดเชื้อไวรัส เรามาดูรายละเอียดกันค่ะ

ฉีดวัคซีนก่อนโดนสุนัขกัด

เป็นการป้องกันการติดเชื้อไวรัสล่วงหน้า เหมาะสำหรับคนที่มีโอกาสสัมผัสเชื้อบ่อยๆ เช่น สัตวแพทย์, แพทย์ ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคนี้บ่อยและ เด็กที่คลุกคลีกับสัตว์ โดยวัคซีนจะต้องได้รับทั้งหมด 3 เข็ม ห่างกันเข็มละ 1-2 สัปดาห์ และเมื่อครบ 1 ปีแล้วจะต้องมีการฉีดกระตุ้นอีก ทุก 3 ปี

ข้อดีของการฉีดวัคซีนล่วงหน้า

  • มีราคาถูกมาก รวมๆ แล้ว มีราคาประมาณแค่หลักร้อยปลายๆ – พันต้นๆ เท่านั้น
  • มีความปลอดภัยสูง เป็นการป้องกันล่วงหน้า ก่อนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
  • ร่างกายจะมีภูมิต้านทานที่สูงพอ สำหรับการป้องโรค
  • ไม่ต้องเสี่ยงกับการฉีดเซรุ่มรอบบาดแผลที่ถูกกัด

ฉีดวัคซีนหลังโดนสุนัขกัด

อย่านิ่งนอนใจไปค่ะ ไม่เพียงแต่สุนัขเท่านั้นที่มีอาการเสี่ยงจะเป็นโรคพิษสุนัขบ้า แต่รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีกหลายชนิดที่มีโอกาสแพร่เชื้อพิษสุนัขบ้าได้ ซึ่งสัตว์ที่มีโอกาสเป็นพาหะนำโรคอันดับหนึ่งได้แก่ สุนัข แมว วัว ควาย ลิง ชะนี กระรอก กระแต เสือ หมี หนู และ ค้างคาว

นอกจากจะโดนกัดโดยตรงแล้ว แค่โดนสัตว์เหล่านี้ข่วนจะเกิดแผลก็สามารถได้รับเชื้อได้แล้ว ดังนั้นควรรีบล้างแผลด้วยน้ำสบู่ จากนั้นพาผู้ป่วยไปหาหมอเพื่อรับการรักษาโดยทันที

ผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนหลังโดนสุนัขกัด

วัคซีนพิษสุนัขบ้ามีผลข้างเคียงเช่นเดียวกับการใช้ยา หรือวัคซีนชนิดอื่น ๆ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ได้รับวัคซีนจะไม่มีอาการข้างเคียง หรือหากมีก็จะเกิดขึ้นไม่รุนแรง ที่มักพบบ่อย คือ

  • วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ
  • บริเวณที่ฉีดวัคซีนมีอาการบวมแดงหรือรู้สึกปวด
  • เกิดอาการปวดกล้ามเนื้อ และข้อต่อ
  • คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง
  • มีอาการเหนื่อย หรืออ่อนแรงมากผิดปกติ

 

Writer Profile : blahblahboong

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



7 ขั้นตอนล้างมือให้สะอาด
ข้อมูลทางแพทย์
7 ข้อคิดจากการดูการ์ตูน Finding Nemo
ชีวิตครอบครัว
รวม 7 รายการทีวีสำหรับเด็ก จากช่องThaiPBS
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save