fbpx

เหงือกจ๋า..ฟันมาแล้ว มาดูลำดับการขึ้นของฟันเด็กกัน!

Writer : blahblahboong
: 5 มกราคม 2561

เรื่องสุขภาพในช่องปากเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับเด็กๆ ที่เพิ่มเริ่มจะมีฟันขึ้น โดยทั่วไปแล้วฟันของเด็กจะเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 6 เดือน แต่แน่นอนว่าเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน การขึ้นของเจ้าฟันก็ย่อมไม่เท่ากันเป็นธรรมดา บางคนขึ้นช้า บางคนขึ้นเร็ว ก็แล้วแต่บุคคลไปนะคะ

เรามาลองดูลำดับการขึ้นของฟันน้ำนมแบบคร่าวๆ กันนะคะ

รู้จักกับประเภทของฟัน

ฟันน้ำนม

เป็นฟันชุดแรกของเด็กๆ ที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่อายุ 0-6 เดือน เจ้าฟันน้ำนมจะค่อยโผล่ออกมาจากเหงือบวมๆ ในระยะแรกจะทำให้เด็กรู้สึกไม่สบายตัว มีน้ำลายยืดๆ ออกมาตลอดเวลา ทำให้เกิดผดผื่นบริเวณใบหน้า และอาจทำให้เด็กเป็นไข้ได้ค่ะ

ฟันกระต่าย

คือฟันที่อยู่บริเวณตรงกลางริมฝีปาก มีทั้งหมด 4 ซี่ ด้านบน 2 ซี่ ด้านล่างอีก 2 ซี่

  • ฟันกระต่ายคู่บน จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 8-12 เดือน
  • ฟันกระต่ายคู่ล่าง จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 6-10 เดือน

ในช่วงที่ฟันเริ่มขึ้นคุณแม่จะรู้สึกได้จากความผิดปกติในเวลาให้นม

ฟันคู่ถัดมา

เป็นฟันที่อยู่ถัดจากฟันกระต่าย มีทั้งหมด 4 ซี่ ด้านบน 2 ซี่ ด้านล่างอีก 2 ซี่

  • ฟันคู่ถัดมาด้านบน จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 9-13 เดือน
  • ฟันคู่ถัดมาด้านล่าง จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 10-16 เดือน

การมาถึงของฟันชุดนี้จะทำให้เด็กรู้สึกเจ็บมาก งอแงมาก จนถึงขึ้นนอนหลับไม่ได้เลยทีเดียว

ฟันเขี้ยว

ฟันเขี้ยวจะมีลักษณะแหลมคม เรียวยาว

  • ฟันเขี้ยวด้านบน จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 16-22 เดือน
  • ฟันเขี้ยวด้านล่าง จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 17-23 เดือน

ฟันกราม

ฟันกรามเป็นฟันซี่ใหญ่ เมื่อเริ่มงอกจะทำให้เด็กมีอาการเจ็บรวมไปถึงมีไข้ไม่สบายร่วมด้วย คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อศึกษาวิธีการดูแลเพิ่มเติมค่ะ

  • ฟันกรามด้านบน จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 13-19 เดือน
  • ฟันกรามด้านล่าง จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 14-18 เดือน

ฟันกราม (ส่วนที่ 2)

เป็นฟันน้ำนมชุดสุดท้ายที่จะขึ้นในช่วงอายุ 2-3 ขวบ เป็นฟันซี่ที่ใหญ่ที่สุด อยู่ในที่สุด ทำให้เกิดความเจ็บปวดได้มาก ที่สำคัญคือการดูแลรักษา คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจในเรื่องของความสะอาดมากเป็นพิเศษ เพราะฟันกรามส่วนนี้อยู่ลึกที่สุดในช่องปาก ทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรีย นำมาสู่ปัญหาฟันผุได้ง่ายที่สุด

  • ฟันกราม (ส่วนที่ 2) ด้านบน จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 25-33 เดือน
  • ฟันกราม (ส่วนที่ 2) ด้านล่าง จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 23-31 เดือน

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงระยะเวลาคร่าวๆ เด็กแต่ละคนอาจจะไม่ได้มีการขึ้นของฟันเป็นลำดับเช่นนี้ เด็กบางคนอาจจะมีฟันขึ้นมาตั้งแต่เกิด บางคนอาจจะเพิ่มเริ่มขึ้นเมื่ออายุ 1 ปี ไม่ได้ถือว่าเป็นความผิดปกติ คุณพ่อคุณแม่สามารถปรึกษาทันตแพทย์ได้ตลอดเพื่อสุขภาพในช่องปากที่ดีของเด็กๆ ค่ะ 🙂

Writer Profile : blahblahboong

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



5 วิธีที่คุณพ่อเล่นกับลูกได้
ชีวิตครอบครัว
CAR SEAT กับเด็กแต่ละช่วงอายุ
ข้อมูลทางแพทย์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save