fbpx

ชวนเด็กๆใส่และถอดหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงการติด COVID-19

Writer : Jicko
: 10 มีนาคม 2563

คุณพ่อคุณแม่จะเห็นได้ว่าช่วงนี้ไปไหนมาไหน ทุกคนต่างก็ใส่หน้ากากอนามัยกันทั้งนั้น ทั้งฝุ่นเอย และโรคระบาดอย่างไวรัส Covid-19 ที่นอกจากผู้ใหญ่อย่างเราๆ ที่ต้องป้องกันแล้ว เด็กๆ ก็ต้องป้องกันให้ดีมากขึ้นด้วย

ซึ่งวิธีป้องกันเบื้องต้นนั่นก็คือ การสวมใส่หน้ากากอนามัยนั้นเองค่ะ แล้วคุณพ่อคุณแม่ทราบกันหรือไม่ว่า เจ้าหน้ากากอนามัยนี้มีวิธีใส่และถอดที่ถูกต้องยังไง?…เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส วันนี้เราจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปดูวิธีที่ถูกต้องกัน จะมีวิธียังไงบ้างตามไปดูกันเลย

ใครควรใส่หน้ากากอนามัยบ้าง ?

  1. ผู้ป่วยที่มีอาการเป็นหวัด เช่น มีไข้ ไอ จาม และมีน้ำมูก
  2. ผู้ที่อยู่ในสถานที่ที่มีคนอยู่อย่างหนาแน่น

 

วิธีการใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง

  1. ล้างมือให้สะอาดก่อนใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง
  2. ใช้มือทั้งสองข้างดึงสายรัดหู โดยให้ด้านที่มีสีเข้ม(เช่น สีเขียว หรือสีฟ้า) หรือด้านที่มันวาวอยู่ด้านนอก แล้วเอาด้านที่มีขอบลวดขึ้นบน(สีออก ขาวเข้า)
  3. กดโลหะบนหน้ากากให้แนบสนิทกับสันจมูกของเจ้าตัวเล็ก
  4. จับโลหะบนหน้ากากพร้อมกับดึงให้คลุมทั้ง จมูกและปาก รวมถึงคาง และคล้องสายกับหูให้แน่น

 

วิธีการถอดหน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง

  1. ล้างมือทั้งก่อนและหลังขณะถอดหน้ากากอนามัยทุกครั้ง
  2. ใช้มือทั้งสองข้างจับที่สายรัดหูของหน้ากากอนามัย โดยห้ามสัมผัสด้านนอกของหน้ากากอนามัยเด็ดขาด
  3. จับสายรัดหูและดึงออกในแนวตรง
  4. หากเป็นชนิดที่เป็นกระดาษควรทิ้งลงถังขยะที่มีฝาปิด ไม่พับและไม่สัมผัสหน้ากากอนามัย

 

สิ่งที่ไม่ควรทำ

  1. ห้ามใช้มือสัมผัสหน้ากากอนามัยเด็ดขาด เพราะเชื้อโรคจะสามารถติดมือได้ และเราก็อาจจะใช้มือนั้นสัมผัสเข้าร่างกายโดยไม่รู้ตัว
  2. เมื่อใส่หน้ากากอนามัยแล้วห้ามดึงหน้ากากลงมาใต้จมูก เพราะเชื้อโรคสามารถเข้าได้ ใส่ไปก็ไม่เกิดประโยชน์
  3. ห้ามดึงหน้ากากอนามัยไว้ใต้คาง เพราะทำเช่นนี้ก็เหมือนกันการไม่ได้ใส่ เชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายได้อย่างแน่นอน
  4. ห้ามเก็บหน้ากากอนามัย ไว้ปะปนหรือโดนของใช้อื่นๆ
  5. ห้ามใส่หน้ากากอนามัยแบบเอาด้านสีขาวออกภายนอก เพราะด้านสีขาวคือตัวกรอง

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยมหิดล คณะแพทย์ศาตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี 

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save