fbpx

ลูกปวดฟันช่วง Covid-19 แต่ไปพบทันตแพทย์ลำบากจะทำอย่างไรดี

Writer : OttChan
: 27 เมษายน 2563

” แม่คับ หนูปวดฟัน ”

” พ่อคะ หนูเจ็บเมากๆเลย แก้มก็บวม ทำยังไงดี ”

เมื่อเด็กๆ มีอาการปวดฟันหรือเสียวฟัน สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่จะช่วนเหลือเบื้องต้นได้คือการลดหรืองดขนมหวานต่างๆ, แปรงฟันเช้าและเย็นให้สะอาดอยู่เสมอรึหากเจ็บมากไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็ต้องพาไปพบทันตแพทย์เพื่อรักษา

แต่ในวิกฤตของ Covid-19 นั้นเรามักจะเล็งเห็นถึงปัญหาในการออกไปยังภายนอกบ้าน ต้องระวังทั้งโรคและระวังทั้งค่าฝุ่นที่ยังไม่เสถียร ดังนั้นสิ่งที่ดูจะเป็นปัญหาของคุณพ่อคุณแม่จะต้องพบเจอก็คือ การพาลูกไปพบหมอฟันหรือทันตแพทย์ซึ่งโดยปกติ เพราะนอกจากเด็กๆ จะไม่ยอมไปหาเพราะกลัวแล้ว คราวนี้กลับกลายเป็นว่า ไม่สามารถพาไปได้เพราะติดเรื่องCovid -19 ทำให้ยุ่งกันเข้าไปใหญ่

เพราะฉะนั้นเราจะมาดูกันว่า หากปวดฟันจะพอช่วยอะไรกับเด็กในบ้านได้บ้างในช่วงที่ไปหาหมอฟันไม่ได้นะคะ มาสังเกตอาการไปทีละข้อ

ปวดฟันแต่ไม่รุนแรง

บางครั้งหากเจ้าตัวเล็กมีอาการปวดฟันแต่ไม่ได้เป็นตลอด ไม่มีอาการบวมหรือเสียวฟันมากๆ อาจเกิดจากเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันรึเพียงเคี้ยวอะไรนานๆ จนทำให้ปวดเมื่อยในช่องปาก วิธีแก้ทำได้ดังต่อไปนี้ค่ะ

  • แปรงฟันให้สะอาด
  • บ้วนปากด้วยน้ำสะอาดแรงๆ
  • มองหาเศษอาหารแล้วใช้ไหมขัดฟันขัดออก

ปวดฟันนานไม่มีทีท่าว่าจะหาย

ในกรณีที่มีอาการปวดเรื้อรัง ทำอย่างไรก็ไม่หาย นั่นอาจแปลได้ว่าเกิดอาการเหงือกอักเสบเบื้องต้น, ฟันมีปัญหา แก้ไข้ได้ดังนี้

  • ทานยาแก้อักเสบหรือยาแก้ปวดแต่ต้องมั่นใจว่า เด็กสามารถทานได้
  • ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ
  • งดทานอาหารที่เคี้ยวยากหรือแข็ง
  • งดขนมหวาน, ลูกกวาดต่างๆ

ปวดแล้วมีอาการบวมอักเสบ, ฟันหัก

หากพบว่านอกจากอาการปวดแล้วยังมีอาการบวมจนแก้มนูนหรืออาจบวมขึ้นตา, เกิดอุบัติเหตุจนฟันหักหรือแตก ควรรีบนำไปพบทันตแพทย์ทันทีเพื่อให้ช่วยรักษาค่ะ เพราะอาการดังกล่าวไม่สามารถทานยาแล้วหายรวมไปถึงการแปรงฟันเองก็เช่นกัน ฉะนั้นอาการบวมหรือเกิดการหักถือเป็นกรณีเร่งด่วนที่ต้องพบทันตแพทย์แล้วจริงๆ ซึ่งการไปพบนั้นสามารถป้องกันการติดเชื้อ Covid-19 ได้ด้วยการให้หน้ากากอนามัย, พกเสปรย์แอลกอฮอลล์ไว้ฉีด ทำความสะอาด , ลดการสัมผัสราวกับหรือสิ่งของต่างๆ และ มีระยะห่างกับบุคคลรอบข้างเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและปฏิบัติตามข้อกำหนดของการพบทันตแพทย์ได้ดังนี้

  • ทำการติดต่อล่วงหน้าก่อนจะเข้าตรวจซึ่งจะมีการสอบถามอาการ, ซักประวัติ, แจ้งกำหนดนัดหมาย
  • สวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดระยะเวลาการเข้ารักษา, รวมถึงผู้ติดตาม
  • อุณหภูมิร่างกายในการเข้ารักษาต้องไม่เกิน 37.5 องศาเซลเซียส
  • ล้างมือและไม่สัมผัสบริเวณดวงตา, ปากและจมูกหลังการสัมผัส, ถอดอุปกรณ์ในช่องปาก
  • หลีกเลี่ยงการจับหรือสัมผัสใบหน้าในระหว่างการรอเข้าทำการรักษา
  • ต้องบ้วนน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนลงมือทำฟัน ในกรณีตั้งครรภ์อยู่หรือมีอาการแพ้ใดๆ โปรดแจ้ง

ที่มา : facebookamarinbabyandkidsanamaidoh , thaidentalcouncil. ทันตแพทย์ผู้ชำนาญการ นางสาวรัชวิภา นาคภู่

 

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ลูกชอบพูดแทรก จะแก้อย่างไร
ชีวิตครอบครัว
แม่จ๋า! น้ำร้อนลวกหนู ทำอย่างไรดี
ข้อมูลทางแพทย์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save