fbpx

6 เคล็ดลับถนอมสายตา เมื่อลูกชอบเล่นแท็บเล็ต

Writer : nunzmoko
: 21 กันยายน 2561

ในยุคดิจิทัล เด็กๆ ส่วนใหญ่มักจะวุ่นกับการนั่งดูแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นคลิปสนุกๆ การ์ตูน หรือเกมส์ต่างๆ ซึ่งสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องคำนึงถึง ว่าการใช้สายตาจ้องมองแสงจากหน้าจอนานๆ ทำให้ลูกสายตาอ่อนล้า ปวดเมื่อย และแสบตาได้ง่าย วันนี้เรามีวิธีถนอมสายตาของลูกมาฝากกันค่ะ

1. ไม่จ้องหน้าจอใกล้จนเกินไป

อย่าจ้องหน้าจอใกล้เกินไป ให้เว้นระยะห่าง ประมาณ 1 ศอกของพ่อหรือประมาณ 30 ซม. เพื่อป้องกันการที่ลูกเพ่งมองที่หน้าจองมากจนเกินไป

2. จำกัดเวลาเล่นของลูก

คุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครอง ควรตั้งข้อกำหนดเรื่องเวลาอย่างชัดเจน ว่าลูกควรเล่นระยะเวลาเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม เช่น กำหนดให้ลูกเล่นแท็บเล็ตได้วันละไม่เกิน 1 ชั่วโมง และอาจเพิ่มเป็น 2 ชั่วโมงในวันหยุด เป็นต้น และต้องพักสายตาทุกๆ 20 นาที ด้วย อีกทั้งการกำหนดเวลาที่ชัดเจนยังเป็นการฝึกให้ลูกมีระเบียบวินัยตั้งแต่ยังเล็กๆ อีกด้วย

3. ปรับความสว่างหน้าจอ

การปรับความสว่างที่หน้าจอแท็บเล็ตหรือหน้าจอสมาร์ทโฟนให้พอเหมาะ เหมาะสม จะช่วยถนอมสายตาได้ในระดับหนึ่ง และไม่ควรปิดไฟขณะลูกเล่น เพราะควรมีแสงสว่างภายในห้องที่เล่นที่เพียงพอ เพื่อไม่ให้สายตาเสียค่ะ

4. ให้เล่นอย่างสมดุล

ภาพจาก – The Commons

ข้อเสียอีกอย่างของการที่เด็กติดแท็บเล็ตก็คือจะทำให้เด็กขาดการปฏิสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อนๆ และสังคม อีกทั้งยังส่งผลให้การเล่นแบบใช้จินตนาการขาดหายไป ทำให้ความคิดสร้างสรรค์ของเด็กลดลง พ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรจัดสรรเวลาให้ลูกเล่นแท็บเล็ตอย่างสมดุล ควบคู่ไปกับการทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น เล่นกีฬา ออกกำลังกาย ร้องเพลง เต้น วาดรูป หรือเล่นกับเพื่อนๆ เพื่อให้ลูกมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกับผู้อื่นบ้าง และไม่ยึดติดกับการเล่นจนเสียสายตาค่ะ

5. โภชนาการสำคัญ

สำหรับการดูแลสายตา ก็เช่นเดียวกันกับอวัยวะอื่นๆ หลักใหญ่ๆ ก็คือ ทำให้ร่างกายแข็งแรง รับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ กินผักผลไม้ที่มีวิตามินเอและลูทีนสูง เพราะมีประโยชน์ต่อสายตา เช่น กีวี่ แครอท ผักโขม ผักคะน้า ผักบุ้ง ตำลึง ฟักทอง และมะละกอ เป็นต้น

นอกจากวิธีที่จะช่วยถนอมสายตาลูกรักตามวิธีข้างต้นแล้ว คุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครองที่ดูแลเด็กๆ ควรมีวินัยในตัวเอง เป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม จะทำให้เด็กซึมซับพฤติกรรมเหล่านั้น เมื่อลูกเห็นตัวอย่างว่าคุณพ่อคุณแม่ใช้เวลาในการอ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่มีประโยชน์มากกว่าการเล่นแท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ลูกก็จะเลียนแบบและทำตามแบบอย่างที่ดีค่ะ

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ข้อมูลทางแพทย์ ข้อมูลทางแพทย์
27 กรกฏาคม 2560
แม่จ๋า! น้ำร้อนลวกหนู ทำอย่างไรดี
ข้อมูลทางแพทย์
วิธีการสอนให้ลูกรับมือกับความผิดหวัง
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save