fbpx

ความลับของน้ำตาลที่แม่ๆ อาจจะยังไม่รู้

Writer : Jicko
: 31 สิงหาคม 2563

เชื่อเลยว่าถ้าพูดถึงน้ำตาล คุณแม่ๆ ทุกคนอาจจะนึกถึงสิ่งที่ให้รสชาติหวาน แถมยังทำให้คุณแม่ๆ อ้วนอีกต่างหาก แต่รู้ไหมว่าเจ้าน้ำตาลที่หลายคนนึกถึงแต่โทษ ก็มีประโยชน์มากมายเช่นกัน วันนี้ทาง Parentsone จึงจะมาบอกความลับของน้ำตาลที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่ามันมีประโยชน์แค่ไหน ไปดูกันเลย

มารู้จักน้ำตาลกัน

น้ำตาล (Sugar) คือ สารประกอบคาร์โบไฮเดรตประเภทโมโนแซ็กคาไรด์ (Monosaccharide) และไดแซ็กคาไรด์ (Disaccharide) ซึ่งมีรสหวาน โดยทั่วไปจะได้มาจากอ้อย มะพร้าว ซึ่งน้ำตาลจะมีด้วยกันอยู่ 10 ประเภทได้แก่

  1. น้ำตาลทรายดิบ (Raw Sugar) : เป็นน้ำตาลที่ใช้ส่งออกเพื่อจำหน่ายต่างประเทศ หรือเก็บไว้เป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำตาลทรายขาว โดยน้ำตาลนี้จะมีสีเข้ม และมีความบริสุทธิ์ต่ำนั่นเอง
  2. น้ำตาลทราบดิบคุณภาพสูง (High Pol Sugar) : เป็นน้ำตาลทรายที่ผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์บางส่วน สีจะเป็นสีเหลืองแกมน้ำตาล สามารถนำไปบริโภคได้โดยตรง แต่ไม่นิยมยกเว้นประเทศที่กำลังพัฒนาและมีกำลังซื้อค่อนข้างต่ำ
  3. น้ำตาลทรายขาว (White Sugar) : เป็นน้ำตาลที่มาจากการสกัดเอาสิ่งเจือปนออกจากน้ำตาลทรายดิบ และเป็นที่นิยมในการบริโภค
  4. น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ (Refined Sugar) : เป็นน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการผลิตเหมือนน้ำตาลทรายขาว แต่มีความบริสุทธิ์มากกว่า เม็ดมีสีขาวใส และนิยมนำมาใช้มาก เช่น เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม เครื่องzดื่มบำรุงกำลัง รวมถึงอุตสาหกรรมยา เป็นต้น
  5. น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์พิเศษ (Super Refined Sugar) : เป็นน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการผลิตเหมือนน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ แต่มีความบริสุทธิ์มากกกว่า นิยมใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการใช้น้ำตาลที่มีความบริสุทธิ์มากๆ เป็นส่วนประกอบ
  6. น้ำตาลปี๊บ (Paste Sugar) : เป็นน้ำตาลที่ได้จากการเอาน้ำตาลทรายขาวมาเคี่ยวจนมีความเข้มตามที่กำหนด แล้วนำไปบรรจุขณะยังร้อนและผึ่งให้น้ำตาลแข็งตัวโดยใช้ลมเย็น
  7. น้ำตาลทรายแดง (Brown Sugar) : เป็นน้ำตาลที่ได้จากการเอาน้ำตาลดิบมาละลายกับน้ำอ้อยใสและน้ำเชื่อมดิบในอัตราส่วนที่กำหนด
  8. น้ำเชื่อม (Liquid Sugar) : เป็นน้ำตาลที่ได้จากการแปรสภาพจากผลึกของน้ำตาลเป็นน้ำเชื่อม มักจจะนำมาใช้เพื่อความสะดวกในกระบวนการผลิตต่างๆ เช่น น้ำอัดลม เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น
  9. น้ำตาลแร่ธรรมชาติ (Mineral Sugar) : เป็นน้ำตาลที่ได้จากการผสมคาราเมลซึ่งได้มาจากการเคี่ยวน้ำตาลกับเอโมลาส ซึ่งมีแร่ธาตุธรรมชาติจากอ้อย จากนั้นจึงนำปผสมกับน้ำตาลทรายขาวตามสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อให้แร่ธาตุจากอ้อยที่สูญเสียไปกับกากน้ำตาลในกระบวนการตกผลึกของน้ำตาล กลับคืนสู่น้ำตาลนั่นเอง
  10. กากน้ำตาล (Molasses) : เป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาล มักจจะนิยมนำมาใช้เป็นวัตถุดิบสำคัญในภาพอุตสาหกรรมหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ การผลิตสุรา แอลกอฮอล์ ผงชูรส น้ำส้มสายชู เป็นต้น

ประโยชน์ของน้ำตาล

นอกจากการเพิ่มความหวานแล้ว เจ้าน้ำตาลยังมีประโยชน์อะไรกันบ้างนะ ?

  1. ช่วยลดความเครียด : เพราะน้ำตาลเป็นสารที่ให้ความหวานและให้พลังงานแก่ร่างกาย เมื่อรับประทานเข้าไปจะช่วยให้สมองหลั่งสารแห่งความสุขหรือเอ็นดอร์ฟินออกมา ลดความเครียดและทำให้สดชื่นได้เป็นอย่างดีนั่นเองค่ะ
  2. น้ำตาลทรายแดง จะช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีมากขึ้น
  3. สครับเพิ่มความชุ่มชื่นริมฝีปาก : โดยเฉพาะสูตรที่ผสมกับน้ำผึ้งที่เรียกได้ว่าเป็นสูตรที่เพิ่มความนุ่มชุ่มชื่นและลดอาการหมองคล้ำ
  4. สามารถใช้ถนอนมอาหารได้ : เพราะน้ำตาลเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการถนอมอาหาร ส่วนใหญ่ที่มักจะเห็นก็จะเป็นพวกผลไม้แปรรูปต่างๆ ที่มีรสหวาน เช่น การแช่อิ่ม การเคลือบหรือฉาบ นอกจากนี้ยังนำมาเป็นสารดูดความชื้นในกล่องขนมต่างๆ ได้อีกด้วย
  5. สามารถรักษาแผลที่เน่าเปื่อยได้ : ถ้าเป็นน้ำเชื่อมที่ได้จากน้ำตาลทรายขาวจะสามารถช่วยใช้เป็นยารักษาบาดแผลเน่าเปื่อยได้ เพราะน้ำเชื่อมสามารถเปลี่ยนสภาพเป็นกรดและด่างบริเวณปากแผลได้ ทำให้เซลล์ผิวหนังถูกกระตุ้น การไหลเวียนของโลหิตจึงทำงานได้ดีขึ้น และยังเป็นอาหารที่จะนำไปใช้เลี้ยงผิวหนังบริเวณนั้นด้วย บาดแผลจึงหาดเร็วขึ้นนั่นเอง
  6. ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน ปวดท้องน้อย : การดื่มน้ำผสมกับน้ำตาลทรายแดงอุ่นๆ 1 แก้วจะช่วบลดอาการปวดประจำเดือนได้ ทำให้ผู้หญิงอย่างเราสบายมากขึ้นค่ะ
  7. ช่วยให้ตื่นตัว : เพราะเจ้าน้ำตาลเป็นสารที่ให้ความหวานและให้พลังงานแก่ร่างกาย โดยน้ำตาล 1 กรัม ให้พลังงาน 4 แคลอรี ซึ่งมันจะช่วยให้คุณแม่ๆ รู้สึกสดชื่นตื่นตัวมากขึ้น อย่างเช่นหากเราดื่มอะไรหวานๆ ก็จะทำให้เรารู้สึกกระตือรือร้นพร้อมทำสิ่งต่างๆ มากขึ้นนั่นเองค่ะ
  8. น้ำตาลทรายขาว หรือน้ำตาลทรายกรวด จะช่วยรักษาอาการปากเป็นแผล มีอาการเจ็บคอ ไอมีเสมหะเหลืองได้ 

ถึงแม้น้ำตาลจะมีประโยชน์ที่คุณแม่ๆ บางคนอาจจะยังไม่เคยรู้ แต่หากรับประทานมากเกินไปมันก็ยังส่งผลเสียต่อร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็น ทำให้เราอ้วน มีโรคต่างๆ มากมาย อย่างโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ทำให้ฟันผุ อีกทั้งยังส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำให้ติดเชื้อได้ง่ายอีกด้วยค่ะ ยิ่งเป็นเด็กๆ ยิ่งต้องดูแลอย่างดีเลยนะคะ เพราะอาจจะทำให้เด็กๆ ฟันผุได้ด้วยนั่นเองค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://medthai.comhttps://www.thaihealth.or.th

http://www.mitrpholmodernfarm.comhttps://sukkaphap-d.com

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save