fbpx

วิธีทักทายลูกน้อยให้อารมณ์ดีตั้งแต่อยู่ในครรภ์

Writer : nunzmoko
: 12 มิถุนายน 2562

คุณพ่อคุณแม่รู้ไหม เราสามารถเริ่มต้นพูดคุยกับลูกน้อยได้ ตั้งแต่ที่เริ่มรู้ว่ามีเจ้าเล็กเลยค่ะ โดยระบบประสาทส่วนต่างๆ ของลูกเริ่มทำงาน สามารถรับรู้และตอบสนองกับสิ่งกระตุ้นจากภายนอกท้องแม่ได้ โดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์ 4 เดือนไปแล้ว จำนวนเซลล์ของระบบประสาทเพิ่มมากขึ้น วันนี้มีวิธีทักทายลูกน้อยให้อารมณ์ดีตั้งแต่อยู่ในครรภ์มาฝากกันค่ะ

ลูบไล้หน้าท้อง ลูกจะตอบสนองเก่ง

  • การลูบไล้หน้าท้องช่วยกระตุ้นระบบประสาทและสมองการรับรู้ของลูก
  • ลูบหน้าท้องเป็นวงกลมจากบนลงล่างหรือจากล่างขึ้นบนก็ได้
  • ขณะที่สัมผัสอาจร้องเพลงหรือพูดคุย
  • ทำได้ตั้งแต่หลังสัปดาห์ที่ 8 เป็นต้นไป เพราะลูกเริ่มไวต่อสัมผัส
  • บางครั้งลูกอาจตอบสนองด้วยการผลัก ยื่นมือ ไขว่คว้าไปมา
  • แนะนำให้ทำช่วงเวลาเดิมเป็นประจำจะรู้สึกได้ว่าเมื่อถึงช่วงเวลานั้นลูกจะดิ้นรออยู่แล้ว

ชวนลูกพูดคุยช้าๆ ด้วยเสียงนุ่มนวล

  • พูดคุยกับลูกในท้องบ่อยๆ ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
  • ใช้ประโยคซ้ำๆ เพื่อให้ลูกคุ้นเคย
  • ใช้คำพูดสั้นๆ 3 คำ อย่างแม่รักลูก
  • อาจพูดถึงกิจวัตรของคุณแม่ให้ลูกฟัง
  • เพื่อปูพื้นฐานการได้ยิน รับรู้ แยกแยะเสียง
  • ลูกจะรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และเป็นเด็กที่อารมณ์ดี

จิ้มท้องเบาๆ ลูกจะสนุกและอารมณ์ดี

  • ทุกครั้งที่ลูกดิ้น ลองใช้มือตบหน้าท้องเบาๆ เป็นจังหวะ
  • เมื่อลูกโก่งตัวเคลื่อนไปมา ลองใช้นิ้วจิ้มไปยังจุดที่เคลื่อนไหว
  • ลูกจะมีปฏิกิริยาตอบรับและเคลื่อนที่หรือดิ้นไปยังทิศทางหนึ่ง
  • ลูกจะใช้สติปัญญาตอบสนองจากสิ่งเร้าที่คุณแม่สร้างให้
  • ช่วยให้ลูกมีการพัฒนาที่ดี รู้สึกสนุกสนานกับการเล่นของคุณแม่

เต้นรำตามเสียงดนตรี

  • การเต้นรำเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
  • เสียงดนตรีทำให้แม่และลูกมีความสุขไปพร้อมกัน
  • วิธีการเต้นที่ดีที่สุดคือการใช้มืออุ้มโดยรับท้องเอาไว้
  • เปิดเพลงในจังหวะร่าเริง แต่ไม่เร็วเกินไป
  • เต้นร่วมกับคุณพ่อ และเพื่อนๆ ก็ได้
  • ลูกในท้องได้ทั้งสนุกสนาน ผ่อนคลาย อารมณ์ดีตามคุณแม่

นอกจากวิธีข้างต้นแล้ว การที่คุณพ่อคุณแม่เป็นคนมีอารมณ์ขันอยู่เสมอ ถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะการหัวเราะบ่อยๆ ระหว่างตั้งครรภ์ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งส่งผลไปยังอารมณ์และการเต้นของหัวใจลูกเช่นกัน ก่อนนอน ลองหาเรื่องตลกๆ มาเล่าสู่กันฟังในครอบครัวช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินที่มีผลดีต่อลูกในครรภ์ให้ร่าเริง แจ่มใสทั้งร่างกายและสมองให้มีความพร้อมที่จะรับรู้สิ่งต่างๆ ค่ะ

ที่มา –baby.kapook

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



8 กีฬาฝึกลูกไว้ไม่มีเชย
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save