fbpx

คุณแม่ห้ามท้อ!!! 9 กลยุทธ์ปรับตัวสำหรับคุณแม่ที่มีลูกเป็นโรคสมาธิสั้น แก้เท่าไหร่ก็ยังไม่หายสักที

Writer : Mneeose
: 3 พฤษภาคม 2562

หากลูกเป็นโรคสมาธิสั้น หรือที่เรียกว่า ADHD คุณพ่อคุณแม่ก็คงเป็นกังวล และเป็นห่วงลูก จนต้องรีบพาลูกไปรักษา และได้ยามาทานกันถูกแล้วใช่ไหมคะ แต่ถ้าหากว่าลูกรักกินยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นเลย แถมยังทำนิสัยเดิมๆ อยู่ คุณแม่อย่างเราก็อดห่วงไม่ได้จนบางครั้งอาจเกิดอาการเครียด และยอมแพ้ในการรักษาโรคของลูกไปโดยปริยาย

แต่ Parents One เราไม่ยอมให้คุณแม่ยอมแพ้ง่ายๆ ค่ะ ไปดู 9 กลยุทธ์ปรับตัวสำหรับคุณแม่ที่มีลูกเป็นโรคสมาธิสั้นกันเลยดีกว่าว่าจะรับมือกับปัญหาโลกแตกนี้ได้อย่างไรบ้าง?

1. ห้ามยอมแพ้ในการรักษาลูกให้หายเด็ดขาด

คุณพ่อคุณแม่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า โรคสมาธิสั้นต้องใช้เวลานานในการรักษาให้หายขาด ดังนั้นเราไม่อนุญาตให้คุณยอมแพ้ง่ายๆ ค่ะ แม้ว่าลูกเรานั้นจะดื้อรั้น หรือมีอาการที่ไม่ค่อยดีขึ้นอย่างไร รวมถึงบางครั้งอาจจะทำไม่ถูกใจเราบ้าง แต่ถ้าเราสามารถทำให้เขาหายจากโรคนี้ได้ ก็ถือว่าคุ้มสุดๆ เลยค่ะ

2. ห้ามเครียดเกินไป ให้ออกกำลังกาย และพักผ่อนบ้าง

หากคุณแม่รู้สึกว่าตัวเองเครียดจนเกินไป เราขอแนะนำให้ลองหากิจกรรมอื่นๆ ลองทำดูก่อน เช่น ให้ออกกำลังกาย และนอนพักผ่อนบ้าง

3. ทำตารางกิจวัตรประจำวันให้ลูกช่วยพ่อแม่ทำงาน

คุณพ่อคุณแม่ควรทำตารางกิจวัตรประจำวันว่าวันนี้ลูกควรทำอะไรบ้าง แบบคร่าวๆ เพื่อให้ลูกได้รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่ หรือเป้าหมายอะไรบ้างที่ต้องทำในวันนี้ค่ะ ที่สำคัญคือ เป็นการฝึกนิสัยลูกให้มีความรับผิดชอบ และมีน้ำใจช่วยเหลืองานบ้านของครอบครัวนั่นเองค่ะ

4. ไม่ให้ลูกเล่นมือถือบ่อยๆ พยายามให้เล่นเป็นเวลา

เราต้องมีกฎเกณฑ์ในการเล่นมือถือของลูกว่าเวลาไหนควรเล่น เวลาไหนไม่ควรเล่น บอกให้เขาได้รู้ค่ะ เขาจะได้ทำตัวถูก ที่สำคัญ การเล่นมือถือมากๆ ยิ่งจะทำให้ลูกเป็นโรคสมาธิสั้นลงค่ะ

5. สละเวลาพาลูกไปเที่ยวเล่นนอกบ้านบ้าง

เราควรพยายามหาเวลาพาลูกๆ ไปเที่ยวบ้าง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็ไม่เกี่ยง เพื่อให้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ลูกไม่เคยเห็นนั่นเอง อย่าให้ลูกอยู่แต่ในบ้าน เพราะเด็กอาจจะเบื่อหน่าย และมีความรู้สึกว่าไม่อยากอยู่บ้านแล้วนั่นเองค่ะ

6. ถ้าเหนื่อย และง่วงมากๆ ให้รีบนอนพัก แต่ถ้านอนไม่ได้ ให้รีบดื่มกาแฟ 

หากคุณพ่อคุณแม่มีอาการเหนื่อยล้าจากการทำงาน แล้วยังต้องมาเลี้ยงลูกอีก เราขอแนะนำให้นอนพักผ่อนเลยค่ะ โดยฝากลูกไว้กับคนใกล้ชิดที่ไว้ใจได้ เมื่อเราตื่นมาก็พร้อมที่จะลุยหน้าที่พ่อแม่ต่อแล้ว

7.  อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอนทุกวัน แม้ลูกจะไม่ตั้งใจฟังก็ตาม

ในหลายๆ ครั้ง ที่เราเล่านิทานให้ลูกที่เป็นโรคสมาธิสั้นฟัง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจเราเสียเลย อย่าน้อยใจไปนะคะ เขาอาจจะแค่ไม่มีสมาธิเท่านั้นเอง วิธีแก้ คือ การพยายามดึงความสนใจจากลูกให้ได้มากที่สุด แต่ก็ห้ามโมโหลูกด้วยนะคะ ให้ค่อยๆ โน้มน้าวให้ลูกมาฟังนิทานนั่นเอง

8. หมั่นสอนการบ้านลูกบ่อยๆ ทำด้วยกันเสมอ อย่าปล่อยให้ลูกทำคนเดียว

การบ้านเป็นสิ่งที่ลูกไม่อยากทำอยู่แล้ว ยิ่งต้องมานั่งทำคนเดียว และไม่มีใครสนใจด้วยแล้ว เด็กๆ ยิ่งไม่อยากทำเลยค่ะ ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไปช่วยลูกทำการบ้าน อาจจะแค่ไกด์ๆให้เขาเป็นแนวทาง บางทีก็ทำให้ลูกอยากทำการบ้านขึ้นอีกเป็นกองก็ได้นะคะ

9. พาลูกไปพบแพทย์อยู่เสมอ ให้เด็กชินและไม่กลัว

คุณพ่อคุณแม่ควรชวนลูกไปพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาโรคสมาธิสั้นอย่างต่อเนื่อง ให้ขาดหายค่ะ โดยที่ไม่ปลูกฝังความคิดผิดๆ ว่า ระวังนะ!! หมอจะฉีดยาถ้าเป็นเด็กดื้อมากๆ แต่เราต้องทำให้ลูกรักการไปพบคุณหมอที่ใจดี ให้ลูกรู้สึกชินและไม่กลัวค่ะ

ไม่เสียหายหรอกค่ะหากคุณพ่อคุณแม่จะกังวลเรื่องลูกที่เป็นโรคสมาธิสั้น ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะรักษาโรคให้หาย แต่เราก็ต้องคอยดูแลและรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อที่จะได้ดูแลลูกให้มีอนาคตที่ดีขึ้นใช่ไหมคะ ยังไงก็อย่าลืมนำ 9 กลยุทธ์ปรับตัวสำหรับครอบครัวไหนที่มีลูกเป็นสมาธิสั้นกันดูนะคะ รับรองใช้ได้ผลแน่นอน

ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก :  นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
4 พฤศจิกายน 2563
แม่จ๋า! น้ำร้อนลวกหนู ทำอย่างไรดี
ข้อมูลทางแพทย์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save