fbpx

ป้อนกล้วยบดทารกยังไง ไม่เสี่ยงต่อปัญหาลำไส้ลูก

Writer : Jicko
: 24 ตุลาคม 2561

กล้วยเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว กล้วยมีอยู่มากมายและหลากหลายสายพันธุ์ และอีกทั้งยังมีวิตามินและประโยชน์อีกมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของโภชนาการ และยังมีประโยชน์กับลูกๆ อีกด้วย

แต่คุณแม่ๆ รู้หรือไม่ว่าสำหรับเด็กๆ อย่างเด็กแรกเกิดที่ยังอายุไม่ถึง 6 เดือนนี้ หากคุณแม่ๆ ป้อนเจ้ากล้วยบดเร็วเกินไป จะเกิดผลเสียอย่างไรกันลูกๆ บ้าง โดยเฉพาะสำไส้ หรือระบบย่อยอาหาร ไปดูกันเลย

  • ประโยชน์ของกล้วย

เป็นแหล่งอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงาน และยังมีแร่ธาตุที่สำคัญมากมายได้แก่ โพแทสเซียม ซึ่งมีหน้าที่สำคัญ คือนำสารอาหารผ่านเข้าสู่เซลล์และนำของเสียออกจากเซลล์ แถมยังเป็นตัวช่วยที่ช่วยให้กล้ามเนื้อในร่างกายหดตัวหรือคลายตัว โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหัวใจ นอกจากนี้ยังมีวิตามินบี 6 ซึ่งจำเป็นต่อร่างกาย  พบมากในกล้วยหอม วิตามินบี 6 นี้ช่วยในการสร้างสารสื่อประสาท ช่วยให้สดชื่น มีความสุข ช่วยให้ลูกน้อยหลับ และมีผลต่อความจำของลูกน้อยอีกด้วย

 

  • กล้วยอะไรเหมาะที่สุด

กล้วยน้ำว้าเหมาะสมที่สุดเพราะถ้าเลือกจากปริมาณคาร์โบไฮเดรตและลักษณะสัมผัสของเนื้อกล้วบดแล้ว เนื้อของกล้วยน้ำว้าจะมีลักษณะที่ละเอียดและเป็นแป้งมากที่สุด  รองลงมาก็คือกล้วยไข่ กล้วเล็บมือนาง นั้นเอง ส่วนกล้วยหอมที่บางคนเข้าใจว่าเป็นผลไม้ที่มีแก๊สมาก จริงๆ แล้วมีไยอาหารมาก เมื่อร่างกายย่อยยากหรือไม่สามารถย่อยได้จึงทำให้เข้าใจว่ากล้วยหอมมีแก๊สมากนั่นเอง

 

  • อายุเท่าไหร่ถึงจะป้อนได้ 

ร่างกายทารกมีความพร้อมที่จะรับสารอาหารอื่นๆ นอกจากนมแม่ เมื่ออายุประมาณ 4 เดือน เนื่องจากนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดและมีสารอาหารครบถ้วน สำหรับทารกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือน จึงแนะนำให้คุณแม่ๆ ป้อนอาหารอื่นๆ นอกจากน้ำนมแม่เมื่อเขาอายุได้ 6 เดือนขึ้นไปนั้นเอง

 

  • หากป้อนกล้วยบดก่อนอายุ 6 เดือน จะมีความผิดปกติอะไรบ้าง

คำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ให้เริ่มอาหารอื่นที่ไม่ใช่นมหลังเด็กอายุได้ 6 เดือน เนื่องจากก่อน 6 เดือน เด็กยังมีกระเพาะอาหารและลำไส้ไมแข็งแรงเต็มที่ ระบบการย่อยยังไม่สมบูรณ์ หากกินอาหารอื่นที่ไม่ใช่นมเข้าไป อาจมีความผิดปกติได้

  • ท้องอืด
  • อาหารไม่ย่อย
  • ท้องผูก
  • ท้องเสีย
  • แพ้อาหาร
  • นำไปสู่การเกิดโรคภูมิแพ้ในอนาคต

 

  • กล้วยบดสำหรับเด็กที่อายุมากกว่า 6 เดือนแล้ว

แม่ๆ คะเมื่อลูกๆ เริ่มทานอาหารเสริมหรืออาหารแข็งๆ ได้แล้ว คุณแม่ๆ ก็สามารถทำกล้วยบดให้เด็กๆ ได้เลยค่ะ วิธีการทำง่ายมากๆ เลย

ส่วนผสสมกล้วยบดได้แก่
  • กล้วยสุก 1 ใบ
  • นมแม่หรือนมผงเด็ก หรืออาจจะเป็นนมที่ลูกกินอยู่แล้ว ในปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวบดสำหรับเด็ก 1 – 2 ช้อนชา
วิธีทำก็คือ
  • ปลอกกล้วยและบดกล้วยให้ละเอียด
  • ผสมข้าวบดกับนมให้เข้ากัน แล้วเทลงไปคนพร้อมกับกล้วยที่เตรียมไว้
  • กะปริมาณส่วนผสมทั้งกล้วย ข้าวบด และนม ในปริมาณตามใจชอบเพื่อให้ได้ความข้นหรือเหลวตามใจคุณแม่ๆ เลยค่ะ

 

ที่มา : bnhhospitababykapook, amarinbabyandkids

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save