fbpx

วิธีล้างจมูกให้ลูกง่ายๆ คุณแม่มือใหม่ก็ทำได้

Writer : nunzmoko
: 1 มกราคม 2561

 

ได้ยินคำว่าล้างจมูกขึ้นมา ไม่ใช่แค่เด็กๆ ที่กลัว ผู้ใหญ่บางคนยังกลัวค่ะ ว่ามันจะล้างได้ยังไง จะสำลักไหม อันตรายหรือเปล่า จริงๆ ถ้าทำได้ถูกวิธีจะง่ายและดีมากๆ ค่ะ เพราะจะช่วยให้ลูกที่มีน้ำมูกเยอะ จากการเป็นหวัดหายได้เร็วขึ้น ซึ่งคราวที่แล้วเราได้พูดถึงเหตุผลที่คุณแม่ควรล้างจมูกให้กับลูกไปแล้ว สามารถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ 8 เหตุผลที่คุณแม่ควรล้างจมูกให้ลูก  ส่วนวันนี้เราจะมาสอนวิธีล้างจมูกให้ลูกกันค่ะ ว่าคุณแม่ต้องทำอะไร เตรียมอะไร อย่างไรบ้าง

สิ่งที่ต้องเตรียม

  1. น้ำเกลือความเข้มข้น 0.9% ซึ่งหาซื้อได้จากร้านขายยาทั่วไป (น้ำเกลือที่ใช้เหลือให้เททิ้ง ห้ามนำกลับมาใช้ใหม่)
  2. ถ้วยสะอาดสำหรับใส่น้ำเกลือ
  3. กระบอกฉีดยาพลาสติกขนาด 10-20 ซีซี (ถ้าเด็กเล็กจะเริ่มจาก 5 ซีซี ก่อนก็ได้)
  4. จุกต่อสำหรับล้างจมูก
  5. ภาชนะรองน้ำจมูกและเสมหะ
  6. ผ้าสะอาดไว้ห่อตัว และเช็ดน้ำมูก

วิธีการล้าง

1. ใช้ผ้าสะอาดห่อตัวลูก

ใช้ผ้าสะอาดห่อตัวลูก เพื่อไม่ให้เสื้อผ้าเลอะเทอะ

2. ดูดน้ำเกลือเข้ากระบอกฉีดยา

นอกจากนั้นต้องไม่ลืมบอกลูกก่อนว่าจะเริ่มล้างแล้วนะคะ เพื่อให้ลูกไม่ตกใจกลัวค่ะ

3. สอดปลายกระบอกฉีดยาเข้าไปในรูจมูก

โดยสอดเข้าไปในข้างที่จะล้าง(ทำทีละข้าง) โดยวางปลายกระบอกฉีดยาชิดรูจมูกด้านบน ควรให้ลูกก้มหน้าเล็กน้อย หรืออยู่ในท่าศีรษะตรง

4. ฉีดน้ำเกลือเข้าไปในจมูก

ให้ฉีดจนน้ำเกลือและน้ำมูกไหลออกทางปาก หรือไหลย้อนออกมาทางจมูกอีกข้าง

5. ให้ลูกสั่งน้ำมูกออกมาจนหมด

สั่งน้ำมูกพร้อมๆ กันทั้งสองข้าง (ไม่ต้องอุดรูจมูกอีกข้าง) และบ้วนน้ำมูก เสมหะที่ไหลลงคอทิ้ง ทำซ้ำหลายๆ ครั้งในแต่ละข้างจนไม่มีน้ำมูกออกมา เท่านี้ลูกน้อยก็หายใจได้สะดวกแล้วค่ะ

ข้อควรระวัง 

– ถ้าลูกไม่สบาย เป็นหวัด ควรนำน้ำเกลือมาอุ่นก่อนเพราะน้ำเกลือเย็นๆ จะทำให้เยื่อบุโพรงจมูกบวมกว่าเดิม วิธีการอุ่น ก็มีทั้งการเอาขวดน้ำเกลือ ไปแช่ในน้ำร้อนประมาณ 5 นาที หรือจะนำน้ำเกลือใส่ภาชนะสะอาด เข้าไมโครเวฟประมาณ 10 วินาที ก่อนนำมาใช้ต้องเช็คอุณหภูมิที่หลังมือเราก่อน ต้องไม่ร้อนมากจนเกินไป แค่พออุ่นๆ ให้หลังมือเราทนได้
– น้ำเกลือและอุปกรณ์ที่ใช้ล้างจมูกต้องสะอาดไม่ควรใช้ต่อเนื่องนานเกินไป โดยทั่วไปใช้ขวดละ 100 ซีซี เพื่อให้หมดเร็วจะได้ไม่เกิดการติดเชื้อได้ง่าย นอกจากนี้ ควรล้างจมูกเมื่อมีน้ำมูกเหนียวข้นจำนวนมาก (ถ้าน้ำมูกใส และมีจำนวนเล็กน้อยให้สั่งออกมา)
– หลังฉีดน้ำเกลือเข้าไปในโพรงจมูกให้สั่งน้ำมูกออกทันที ไม่ควรกลั้นหายใจเพื่อกักน้ำเกลือให้ค้างในจมูกนาน เพราะน้ำเกลืออาจจะไหลย้อนไปในไซนัส และการสั่งน้ำมูกให้สั่งเบาๆ และไม่ต้องอุดรูจมูกอีกข้าง เพราะอาจทำให้แก้วหูทะลุได้

 

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



CAR SEAT กับเด็กแต่ละช่วงอายุ
ข้อมูลทางแพทย์
8 เหตุผลที่คุณแม่ควรล้างจมูกให้ลูก
เด็กวัยแรกเกิด
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save