fbpx

จะทำอย่างไร เมื่อลูกติดมือถือ แท็บเล็ต

Writer : nunzmoko
: 18 มิถุนายน 2561

คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่คะว่า การให้ลูกอยู่หน้าจอนานๆ อาจจะส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางด้านอื่นๆ ของเด็ก ซึ่งจะไม่ได้รับการพัฒนาเต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย เช่น การพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่จากการเล่นเคลื่อนไหวร่างกาย พัฒนาการทางด้านสังคม การใช้ภาษา การมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น เป็นต้น ถ้าลูกเราของเราติดเล่นมือถือ แท็บเล็ต แล้วจะมีวิธีแก้อย่างไรได้บ้าง ไปดูกันค่ะ

1. กำหนดเวลาให้ชัดเจน 

พ่อแม่ ผู้ปกครองควรตั้งข้อกำหนดเรื่องเวลาในการใช้สื่อเทคโนโลยีให้กับลูกอย่างชัดเจน เพราะจะทำให้เด็กมีระเบียบวินัยในตนเอง ว่าควรเล่นระยะเวลาเท่าไรจึงจะเหมาะสม เช่น กำหนดให้เล่นได้วันละไม่เกิน 1 ชม. และวันหยุดอาจเพิ่มเป็น 2 ชม. เป็นต้น

2. พาลูกไปออกกำลังกาย

สร้างแรงจูงใจให้ลูกออกกำลังกาย เด็กวัยรุ่นหลายคนเลิกเล่นกีฬาช่วงวัยรุ่น คุณพ่อคุณแม่ควรสร้างแรงจูงใจให้ลูกเลือกเล่นกีฬาที่ชอบ หากเราอยากให้ลูกเล่นบาสเกตบอล แต่ลูกอยากว่ายน้ำ เราควรให้ลูกเป็นฝ่ายเลือก และช่วยให้ลูกไปถึงเป้าหมายโดยการไปรับส่งและจัดตารางร่วมกันกับลูก หากลูกชอบการดูดีวีดี คุณพ่อคุณแม่อาจสร้างแรงจูงใจให้ลูกโดยการจัดหาดีวีดี เกี่ยวกับการออกกำลังกายและฝึกทำด้วยกันทั้งบ้านเพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจที่สนุกกับลูก

3. มีข้อตกลงร่วมกัน

การมีข้อตกลงร่วมกันในการใช้เครื่องมือสื่อสาร เช่น ข้อตกลงซึ่งเป็นกฎของบ้านร่วมกันกับลูกโดยการให้รางวัลหรือลงวินัยหากทำผิดกฎ เพื่อให้ลูกรู้สึกมีส่วนร่วม ตัวอย่างเช่น ห้ามส่งข้อความออนไลน์ในระหว่างทานอาหาร ต้องทำการบ้านหรืองานบ้านให้เสร็จก่อน เป็นต้น

4. หากิจกรรมอย่างอื่นให้ลูกทำ  

ใช้เวลาอยู่กับลูกและหากิจกรรม อย่างอื่นให้ลูกทำ สิ่งที่ดีที่สุดคือชวนลูกทำอย่างอื่นที่สนุก สร้างสรรค์ ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านบ้าง ออกไปเล่นเลอะเทอะแบบที่เด็กวัยเค้าควรจะเป็น โยนลูกบอล วิ่งเล่น อ่านหนังสือ ร้องเพลง เล่นดนตรี เต้นด้วยกัน คุณพ่อคุณแม่อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอนในระยะยาว เชื่อว่าเหนื่อยตอนแรกในการปลูกฝังสิ่งที่ดี เพราะถ้าเมื่อลูกเริ่มโต เป็นวัยรุ่น มีความคิดเป็นของตัวเองค่อนข้างมาก ทำให้ไม่ค่อยฟังคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้นสอนตั้งแต่ยังเล็กที่ดีที่สุดค่ะ

5. ทำกิจกรรมที่ได้เข้าสังคม

การที่ให้ลูกออกไปทำกิจกรรมหรือการเข้าร่วมในคลับช่วยให้ลูกได้มีโอกาสเข้าสังคม และรู้จักการปรับตัวเข้ากับคนอื่น ในกรณีที่ไม่สามารถชักจูงให้ลูกเข้าร่วมในคลับต่างๆ ได้ ให้ลูกเลือกทำกิจกรรมกับกลุ่มที่ลูกคุ้นเคยและสนใจก่อน เช่น ร่วมกิจกรรมที่โรงเรียน ทำกิจกรรมกับเพื่อนบ้านใกล้เคียงหรืออาสาสมัครทำงานที่ลูกชอบ เป็นต้น

6. เป็นตัวอย่างที่ดี

คุณพ่อคุณแม่และคนในครอบครัวต้องเป็นตัวอย่างที่ดีกับลูก โดยไม่เล่นมือถือ แท็บเล็ตให้ลูกเห็นเพราะเขาจะทำตาม แต่หากจำเป็นต้องใช้งานควรอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าต้องใช้เพื่อทำงาน หรือเพื่อสื่อสารเรื่องสำคัญและเมื่อใช้เสร็จต้องรีบเก็บทันที เพื่อปลูกฝังความเข้าใจให้ลูกว่าเทคโนโลยีมีไว้สำหรับใช้งานเท่านั้น

สำหรับเด็กๆ ที่เพิ่งเริ่มห่างจากหน้าจอ แม้จะเป็นเรื่องที่ทำยาก แต่ขอให้คุณพ่อคุณแม่ทำใจแข็งไว้ค่ะ ควรพูดคุยกับลูกด้วยความเข้าใจ และตั้งเงื่อนไขกำหนดเวลาที่ชัดเจน เพื่อให้ลูกได้มีเวลาไปทำกิจกรรมอื่น ช่วยส่งเสริมทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดีได้อีกด้วยค่ะ

ที่มา – mgronline.com

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
26 กรกฏาคม 2560
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save