fbpx

เตรียมรับมือ! เมื่อลูกน้อยพูดช้า

Writer : nunzmoko
: 5 ตุลาคม 2561

เด็กจะมีพัฒนาการทางด้านภาษา หรือการพูดตั้งแต่แรกเกิด และพัฒนามาเป็นคำพูดในช่วงประมาณ 1 ขวบ และจะเริ่มพูดคำมีความหมาย 2 คำติดกัน เมื่ออายุประมาณ 2 ขวบ จนกระทั่งเป็นประโยคยาวๆ ประมาณ 3-4 ขวบ ถ้าคุณแม่ลองสังเกตว่าลูกน้อยมีอายุประมาณ 2 ขวบแล้ว ยังพูดคำที่มีความหมายไม่ได้เลย หรือพูดได้แค่คำศัพท์คำเดียว สื่อสารกับคนอื่นไม่ได้ ถือว่าผิดปกติ อย่างไรก็ตามไม่ควรรอจนกระทั่งอายุ 2 ขวบ หากเราพูดกับลูกแล้วไม่เข้าใจว่าเราพูดว่าอะไร หรือเรียกชื่อแล้วไม่หัน แสดงว่าลูกอาจผิดปกติจากการฟัง ควรพาลูกเข้ามาปรึกษาหมอ เพื่อหาทางรักษาต่อไปค่ะ

สาเหตุที่ทำให้ลูกพูดช้า

  • การได้ยินผิดปกติ เนื่องจากอวัยวะรับการได้ยินผิดปกติ หูผิดปกติ หูดับ หูหนวก
  • ภาวะสติปัญญาบกพร่อง เกี่ยวเนื่องกับระดับสติปัญญา ลูกมีภาวะปัญญาอ่อน
  • ออทิสติก มีพัฒนาการด้านภาษาล่าช้า ร่วมกับความบกพร่องทางสังคม มีพฤติกรรมหรือความสนใจที่ซ้ำๆ
  • เกี่ยวเนื่องกับพันธุกรรม ปัญหาเกี่ยวกับการพูดสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้
  • ขาดการกระตุ้นพัฒนาการที่เหมาะสม เกิดจากการเลี้ยงดู การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม

วิธีการกระตุ้นและดูแลเมื่อลูกพูดช้า

1. ประเมินเพื่อหาสาเหตุที่ลูกพูดช้า

ประเมินเพื่อหาสาเหตุ และหาวิธีการแก้ไขให้ตรงกับสาเหตุนั้น เช่น หากลูกมีความบกพร่องทางการได้ยิน คุณแม่ควรหาอุปกรณ์ช่วยฟังให้ลูกใช้ เพื่อกระตุ้นให้ลูกเริ่มเข้าใจและพูดตามได้

2. กระตุ้นการพูดของลูกจากการเล่น

กระตุ้นการพูดของลูกจากการเรียนรู้และการเล่น เช่น การเล่านิทาน การชวนดูรูปภาพ การพูดคุยกับลูกบ่อยๆ เพื่อพัฒนาด้านภาษาให้ลูกน้อยได้มีความเข้าใจและสามารถพูดตามได้ ที่สำคัญไม่ให้ลูกดูโทรทัศน์ เล่นแท็บเล็ตมากเกินไป และไม่ควรให้ลูกเล่นหรืออยู่คนเดียว

3. สื่อสารกับลูกให้มากขึ้น

คุณแม่จะต้องสื่อสารกับเด็กให้มากขึ้น ส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาและด้านอื่นๆ ไปพร้อมกันอย่างสม่ำเสมอ โดยการเลือกใช้คำที่ง่ายและสั้น รวมถึงการออกเสียงพูดที่ชัดเจนจะทำให้พวกเข้าพูดตามคุณได้เร็วขึ้นค่ะ

4. ช่วยเหลือด้านการศึกษา

ให้ลูกได้เรียนตามปกติ ช่วยเหลือลูกโดยการพูดคุยกับครูให้เข้าใจ ซึ่งถ้าเด็กได้รับการประเมินจากแพทย์และโรงเรียนแล้วว่ามีความพร้อมเพียงพอ เด็กก็สามารถเข้าเรียนได้ตามวัย และควรเรียนในโรงเรียนทั่วไปรวมกับเด็กปกติ โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนากทักษะทางสังคม การสื่อสารและทักษะอื่นๆ ในการดำรงชีวิตประจำวัน

5. พูดคุยในสิ่งที่ลูกสนใจ

ให้คุณพ่อคุณแม่ พูดในเรื่องที่ลูกสนใจหรือเกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา เพื่อให้ลูกน้อยโต้ตอบในสิ่งที่ตัวเองชอบ และต้องการสื่อสารให้คุฯพ่อคุณแม่ได้รู้ไปกับพวกเขาด้วย

6. ฝึกลูกผ่านการตั้งคำถาม

ฝึกให้ลูกพูดผ่านการพูดคุยและตั้งคำถาม โดยการฟังลูกพูดอย่างตั้งใจ และตั้งคำถามที่เหมาะสม กับพัฒนาการของลูก ที่สำคัญต้องชื่นชมเมื่อลูกร่วมมือในการฝึกทุกครั้งด้วยนะคะ

หากคุณพ่อคุณแม่รู้แล้วว่าลูกมีอาการพูดช้า ควรพามาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการตามความเหมาะสมจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ นักจิตวิทยา กุมารแพทย์ นักตรวจการได้ยินหรือนักแก้ไขการพูด เป็นต้น ถ้าต้องการที่จะแก้ไขการพูดช้าของเด็ก ควรส่งเสริมพัฒนาการทางการพูดให้เร็วที่สุด ด้วยการเรียนรู้ ฝึกให้เด็กเรียนรู้ภาษาตั้งแต่อายุน้อยๆ เพราะหากรู้เร็ว การแก้ไขก็จะง่ายกว่า อีกทั้งพัฒนาการต่างๆ ของเด็กก็จะเร็วขึ้นอีกด้วยค่ะ

ที่มา : 

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



5 เคล็ดลับทำให้ลูกชอบกินผัก
เด็กอายุ 2-5 ขวบ
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save