fbpx

ต้อนรับลูกสู่โลกกว้างอย่างมั่นใจกับ NIPT BY N Health! ทำความรู้จัก NIPT การตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมก่อนเจอเจ้าตัวน้อย

Writer : Phitchakon
: 17 สิงหาคม 2567

ลูกคือแก้วตาดวงใจ ตั้งแต่วันที่รับรู้ว่ามีเจ้าตัวเล็กที่กำลังเติบโตอยู่ในท้อง ความปรารถนาของคนเป็นแม่คงมีเพียงอย่างเดียว คือหวังให้ลูกแข็งแรงทั้งกายใจ พร้อมออกมาพบหน้ากันอย่างสมบูรณ์ 

NIPT หรือ Non-Invasive Prenatal Testing จึงกลายเป็นเป็นเทคโนโลยีทางเลือกใหม่ที่จะช่วยให้คุณแม่มั่นใจได้มากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะสามารถรู้เพศของลูกได้แล้ว ยังสามารถตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกได้อย่างแม่นยำ ทราบความเสี่ยงหรือความพิการตั้งแต่เนิ่นๆ

รวมทั้งยังลดอัตราการเจาะน้ำคร่ำโดยไม่จำเป็น ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เป็นอันตรายกับลูกได้

เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักหรือคุ้นเคยกับ NIPT สักเท่าไร ไม่แน่ใจว่ามีกระบวนการวิธีการอย่างไร ปลอดภัยต่อลูกหรือเปล่า ควรจะตัดสินใจตรวจดีไหม ฉะนั้น วันนี้ Parents One จะพาไปเจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจ NIPT กัน!

นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชันสุดพิเศษจาก N Health มาแนะนำให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคุณแม่ที่ต้องการจะตรวจ NIPT อีกด้วยถ้าพร้อมกันแล้วตามไปดูกันเลยค่ะ

คุณแม่รู้ไหม? ทำไมต้องตรวจ NIPT : “รู้เร็ว รู้ก่อน พร้อมรับมือ”

NIPT หรือ Non-Invasive Prenatal Testing คือการตรวจเลือดคุณแม่เพื่อคัดกรองความผิดปกติทางโครโมโซมของทารกภายในครรภ์ อาทิ ดาวน์ซินโดรม เอ็ดเวิร์ดซินโดรม หรือพาทัวซินโดรม รวมถึงความผิดปกติของโครโมโซมเพศ 

การตรวจ NIPT นั้นได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายมากๆ เลยค่ะ เพราะนอกจากจะมีความแม่นยำสูงมากกว่า 99% ยังไม่เป็นอันตรายต่อทั้งคุณแม่และคุณลูกอีกด้วย 

เพราะอย่างนั้นแล้ว ถึงแม้ความผิดปกติทางโครโมโซมต่างๆ จะไม่ได้พบทั่วไป แต่ตรวจเอาไว้ก็ไม่เสียหลายค่ะ ทั้งยังช่วยคลายความกังวลและช่วยให้คุณแม่วางแผนต้อนรับลูกน้อยที่จะออกมาลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัย 

การตรวจ NIPT เหมาะกับคุณแม่คนไหนบ้าง?

คุณแม่สามารถรับการตรวจ NIPT ได้ตั้งแต่อายุครรภ์ครบ 10 สัปดาห์ขึ้นไป โดยคุณแม่ที่ควรเข้ารับการตรวจ NIPT ก็ได้แก่ 

  • คุณแม่ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป 
  • คุณแม่ที่ครอบครัวมีประวัติความผิดปกติของโครโมโซม คู่ที่ 13 18 และ 21 
  • คุณแม่ที่เคยคลอดบุตรที่มีโครโมโซมผิดปกติ 
  • คุณแม่ที่ทำอัลตราซาวด์แล้ว พบว่าทารกเสี่ยงมีโครโมโซมผิดปกติ

อ่านมาถึงตรงนี้ คุณแม่อายุยังน้อยหลายๆ ท่านคงจะเริ่มตั้งคำถามว่า “ถ้าอย่างนั้นแล้ว คุณแม่อายุน้อยกว่า มีความเสี่ยงน้อยกว่า คงไม่จำเป็นต้องตรวจ NIPT ใช่ไหม” คำตอบคือจำเป็นค่ะ เพราะกลุ่มอาการผิดปกติสามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ทุกช่วงวัย เพียงแต่ว่าความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นเมื่อมีอายุเยอะขึ้นนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าคุณแม่จะอายุเท่าไรก็ไม่ควรมองข้ามการตรวจ NIPT ไปนะคะ

เว้นเสียแต่คุณแม่ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง มีโครโมโซมผิดปกติ เคยได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ หรือผ่านการบำบัดด้วยสเต็มเซลล์อาจไม่เหมาะกับการตรวจแบบ NIPT เพราะตัวอย่างเลือดอาจตรวจเจอพบความผิดปกติของโครโมโซมคุณแม่แทน 

ฉะนั้น ก่อนจะตัดสินใจตรวจ NIPT คุณแม่ควรศึกษาหาข้อมูล พร้อมทั้งเข้ารับคำปรึกษากับคุณหมอผู้ดูแลเสียก่อนค่ะ 

Essential NIPT vs Complete NIPT : ตรวจแค่ 3 โครโมโซม หรือ ตรวจทุกโครโมโซมแบบไหนดีกว่ากัน ?

การตรวจ NIPT By N Health มีด้วยกันทั้งสิ้น 2 รูปแบบ ได้แก่ การตรวจคัดกรองความผิดปกติโครโมโซม 3 คู่หลัก (Essential NIPT) และ ตรวจคัดกรองทุกโครโมโซม (Complete NIPT)

ความแตกต่างก็ตรงตัวเลยค่ะ Essential NIPT จะเป็นการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมที่พบความผิดปกติได้บ่อยที่สุด ได้แก่

  • “กลุ่มอาการพาทัวร์” (Trisomy 13)  โครโมโซมคู่ที่ 13 เกินมา 1 โครโมโซมส่งผลให้ทารกปากแหว่งเพดานโหว่ ใบหูต่ำ นิ้วมือนิ้วเท้าเกิน และสมองพิการ
  • “กลุ่มอาการเอ็ดเวิร์ด” (Trisomy 18)โครโมโซมคู่ที่ 18 เกินมา 1 โครโมโซม ทำให้ทารกศีรษะเล็ก ใบหูต่ำ ปากแหว่งเพดานโหว่ มีหัวใจและไตพิการ ปอดและทางเดินอาหารผิดปกติ
  • “กลุ่มอาการดาวน์” (Trisomy 21) โครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 โครโมโซม โดยทารกจะศีรษะเล็กและแบน มีหางตาเฉียงขึ้น ดั้งจมูกแบน พัฒนาการค่อนข้างช้า และมี IQ ต่ำ อาจมีอาการผนังกั้นห้องหัวใจรั่วร่วมด้วย

ในทางกลับกัน Complete NIPT จะเป็นการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมตั้งแต่คู่ที่ 1-23 ได้แก่ โครโมโซมร่างกาย (Autosome) โครโมโซมคู่ที่ 1-22 ซึ่งเป็นโครโมโซมส่วนที่ทำหน้าที่กำหนดลักษณะทางพันธุกรรมและลักษณะทางกายภาพต่างๆ เช่น รูปร่าง หน้าตา ส่วนสูง ลักษณะเส้นผม ฯลฯ รวมถึงโครโมโซมคู่ที่ 23 หรือโครโมโซมเพศอีกด้วย

นอกเหนือไปจากภาวะผิดปกติทางโครโมโซมที่พวกเราคุ้นเคยกันดี ความผิดปกติของโครโมโซมคู่อื่นจะอยู่ที่ 7% จากความผิดปกติของโครโมโซมทั้งหมด นับว่าเป็นตัวเลขที่ไม่น้อยเลยนะคะ แถมความผิดปกติของโครโมโซมคู่อื่นๆ ยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อลูกในครรภ์ ไม่ว่าจะภาวะการเจริญเติบโตช้า ความเสี่ยงผิดปกติทางรูปร่าง ไปจนกระทั่งถึงภาวะแท้ง หรือเสียชีวิตหลังคลอด

การตรวจ Complete NIPT จึงถือว่าครบครอบคลุมรู้รอบทุกความเสี่ยงอาการผิดปกติการันตีความสบายใจของคุณแม่ได้มากกว่าเดิม

ตามไปดู! ขั้นตอนการตรวจ NIPT

อีกหนึ่งเรื่องที่คุณแม่มักสงสัยเกี่ยวกับการตรวจ NIPT คือกระบวนการขั้นตอน ต้องบอกเลยว่าการตรวจ NIPT ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่หลายคนคิดค่ะ 

คุณแม่ไม่จำเป็นต้องงดน้ำ งดอาหาร เพียงแค่นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ จากนั้นเมื่อถึงเวลาตรวจก็เดินทางไปยังโรงพยาบาลหรือคลินิกเพื่อเก็บตัวอย่างเลือดประมาณ 10 ซีซี รอ 5-7 วันก็จะทราบผล

แต่อยากจะแนะนำเพิ่มเติมว่าก่อนจะทำการตรวจ คุณแม่จำเป็นจะต้องมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการตรวจ NIPT และไม่ลืมที่จะรวบรวมข้อมูลทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นโรคประจำตัว ยาที่ทานประจำ และประวัติการรักษาที่ผ่านมา เพื่อแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อผลที่ออกมาแม่นยำไม่คลาดเคลื่อนค่ะ 

ทำไมต้องเลือกตรวจ NIPT by N Health?

สำหรับคุณแม่ที่สนใจอยากตรวจ NIPT สามารถตรวจได้ทั้งในโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำทั่วไปที่มีบริการรับตรวจ

ยกตัวอย่างเช่น N Space หรือ N Health Lab Center ศูนย์ตรวจสุขภาพแนวใหม่จาก N Health ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทุกเพศทุกวัย มีแพ็กเกจตรวจสุขภาพมากมาย แถมมีสาขาให้เข้ารับบริการมากกว่า 30 สาขาทั่วประเทศ

ที่นี่มีบริการตรวจ NIPT ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองเครื่องหมาย CE-IVD จากยุโรปทั้งยังใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ผลจากประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความแม่นยำแถมมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด

ยิ่งไปกว่านั้น ในกรณีที่ตรวจแล้วผลออกมามีความเสี่ยงสูงทาง N Health ยังมีวงเงินสนับสนุนการเจาะน้ำคร่ำให้สูงสุดถึง 20,000 บาท และยังมีการรับประกันในกรณีที่มีผลลบลวงสูงสุดถึง 2,500,000 บาท เรียกได้ว่าที่เดียวจบครบ เพิ่มความอุ่นใจ คลายทุกความกังวลอย่างแน่นอนค่ะ

โปรโมชันพิเศษ! ต้อนรับเทศกาลวันแม่

Super Mom Super Sale ดีลสุขภาพ ลดพิเศษเพื่อคุณแม่โดยเฉพาะ แพ็กเกจตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ (23 คู่) Complete NIPT จ่ายเพียง 13,800 บาท จากราคาปกติ 14,900 บาท (ประหยัดไปได้ถึง 1,100 บาท) ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2567 

พิเศษสุดๆ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ชาว Parent One เมื่อบันทึกภาพหน้าจอของโพสต์นี้แล้วสั่งซื้อแพ็กเกจตรวจ NIPT ทาง LINE Official : https://bit.ly/4cKtdst  ตั้งแต่วันนี้ – 30 กันยายน 2567 รับฟรี! Healthy Beginner แพ็กเกจตรวจสุขภาพเบื้องต้น 12 รายการตรวจ (มูลค่า 1,810 บาท คนละ 1 แพ็กเกจ) (มีจำนวนจำกัด)

ติดตามข่าวสารเพื่อสุขภาพดีๆ รวมถึงปรึกษา ทำนัดตรวจสุขภาพ และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

Writer Profile : Phitchakon

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



มีบุตรยาก แก้ไขอย่างไรได้บ้าง
ข้อมูลทางแพทย์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save