fbpx

7 สาเหตุที่ทำให้ลูกกินน้อย

Writer : nunzmoko
: 10 กรกฏาคม 2561

คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คน คงกำลังกังวลว่าทำไมลูกของเราถึงกินข้าวได้น้อยหรือไม่ยอมกินข้าวเลย กลัวว่าลูกจะขาดสารอาหาร ที่พัฒนาร่างกายและสมองกลัวลูกจะไม่มีแรงไปทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งบางทีที่ลูกกินข้าวได้น้อย หรือไม่ยอมกินข้าว สาเหตุอาจจะมาจากตัวคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองเอง วันนี้จะมาไขข้อข้องใจให้คุณพ่อคุณแม่คลายกังวลว่าทำไมลูกถึงกินข้าวได้น้อยกันค่ะ

1. ให้ลูกกินมากเกินไป

พ่อแม่ให้ลูกกินมากเกินไป เพราะกลัวลูกไม่อิ่ม จริงๆ กระเพาะของเด็กและผู้ใหญ่นั้นแตกต่างกันมาก กระเพาะอาหารของเด็กในช่วงปฐมวัยนี้จะมีขนาดเล็ก เด็กจะวิ่งเล่นและเผาผลาญพลังงานไปมาก จึงอาจจะมีการหิวระหว่างมื้อบ่อย พ่อแม่หลายคนจึงกลัวลูกจะหิวหรือกินไม่อิ่ม เลยให้ลูกกินทั้งข้าว ทั้งนม เมื่อถึงมื้ออาหารถัดไปก็ยังบังคับให้ลูกกินอีก (ทั้งๆ ที่ยังอิ่มอยู่) ถ้าเด็กไม่กินก็บังคับสารพัดทั้งคำพูด จับป้อน ฯลฯ ทำให้ลูกรู้สึกทรมาน (อึดอัด) เวลาต้องกินอาหารจึงกินได้น้อย หรือไม่อยากกินเลย

2. ลูกกินขนมหรือนมจนอิ่ม

บ่อยครั้งที่ระหว่างมื้ออาหาร เด็กในช่วงปฐมวัยจะมักหิว (เพราะไปเล่นมาจนเหนื่อย) พ่อแม่บางคนก็ให้ลูกกินขนม รวมถึงกินนม (บางครอบครัวให้ลูกกินนมเยอะแทบจะแทนน้ำ) ทำให้เวลาถึงมื้ออาหารจริงๆ ลูกไม่ได้อยากทานอาหาร เพราะยังไม่หิวมากนั่นเอง

3. เมนูอาหารซ้ำๆ เดิมๆ

การกินอาหารซ้ำๆ แบบเดิมๆ ขนาดผู้ใหญ่ยังเบื่อเลยค่ะ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกกินได้น้อย หรือไม่ยอมกินเลย คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะเปลี่ยนเมนูอาหารให้ลูกเรื่อยๆ อย่าซ้ำเดิมมากเกินไป และเพิ่มความหลากหลายของอาหาร อาจจะมีทั้งเมนูอาหารแบบไทย จีน ฝรั่ง บ้างสลับกันไป รวมถึงการหั่นส่วนผสมให้พอดีคำ ไม่เล็กไปหรือใหญ่เกินไปสำหรับเด็ก เพราะหากเด็กต้องเคี้ยวมากเกินไปเด็กก็จะเบื่อการเคี้ยวอาหารได้เหมือนกัน

4. อาหารไม่น่ารับประทาน

คุณพ่อคุณแม่บางคนกลัวลูกจะกินลำบาก ก็ทำอาหารให้ลูกย่อยง่ายๆ จนมันดูเละๆ ไม่น่ากิน นอกจากหน้าตาอาหารแล้วสีสันของอาหารก็สำคัญ ถ้าสีเขียวของผักมากไปจนน่ากลัว เด็กบางคนก็อาจจะไม่ยอมกิน

5. ลูกรักกำลังไม่สบาย

หากลูกไม่สบาย หรือปวดฟัน ความอยากอาหารจะลดน้อยลง ซึ่งพ่อแม่ต้องเข้าใจด้วยว่าเป็นธรรมชาติของเด็กที่ไม่สบายก็มักจะไม่อยากอาหารใดๆ

6. เล่นสนุกจนเหนื่อย ลืมหิว

เด็กๆ ส่วนใหญ่เวลาเล่นก็จะเล่นเพลินลืมหิว จนบางครั้งพ่อแม่ก็กังวลว่า เดี๋ยวลูกจะหิวก็รีบบังคับให้ลูกกิน ณ เวลานั้นทันที ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อลูกเลย เพราะเป็นช่วงที่ลูกเหนื่อยมากอยู่ ควรให้พักก่อนแล้วค่อยให้มากินอาหารจะทำให้ลูกกินได้มากกว่าและไม่ทำให้ลูกจุกด้วยค่ะ

7. พ่อแม่บังคับมากเกินไป

การบังคับให้ลูกกินมากเกินไป หรือการให้ลูกกินอาหารที่ไม่ชอบ จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกไม่อยากกินมากกว่าเดิมและยิ่งถ้าพูดหรือลงโทษด้วยวิธีรุนแรงแล้วเด็กจะฝังใจ อาจจะทำให้ไม่อยากกินอาหารนั้นๆ ไปเลยก็ได้

คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาลูกกินได้น้อยโดยการจัดอาหารให้พอดีกับความต้องการลูก ลูกจะได้มีกำลังใจในการกิน เลือกอาหารที่มีประโยชน์และลูกชอบ ผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ให้ลูกไม่เบื่อ นอกจากนี้ สร้างนิสัยการกินที่ถูกต้องร่วมกัน และทำให้ลูกเห็นว่ากินอาหารร่วมกัน อร่อยและมีความสุขแค่ไหนค่ะ

ที่มา – babytrick

 

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save