fbpx

ระวังจู๊ดๆ! 5 อาหารที่เสี่ยงทำให้ลูกท้องร่วง

Writer : Lalimay
: 9 กุมภาพันธ์ 2564

อาการท้องร่วงหรือโรคอาหารเป็นพิษเป็นอาการที่พบได้บ่อยจากอาหารที่รับประทานเข้าไป โดยส่วนมากจะพบแบบเป็นกลุ่มก้อน คือพบผู้ป่วยจำนวนมากในครั้งเดียว ซึ่งกลุ่มหลักๆ ที่พบก็คือเด็กนักเรียนในโรงเรียน มีสาเหตุมาจากอาหารกลางวันที่รับประทานที่อาจทำค้างไว้ล่วงหน้าหลายชั่วโมง นอกจากนี้เมื่ออยู่บ้านก็อาจเกิดกับเด็กๆ ได้เช่นกัน วันนี้เราจึงมีเมนูที่คุณพ่อคุณแม่ควรเลี่ยงหากไม่มั่นในในความสะอาดหรือไม่รู้ว่าอาหารปรุงสุกมานานรึยังมาฝากค่ะ

1. ข้าวมันไก่และน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว

เมนูแรกที่ควรระวังก็คือข้าวมันไก่และน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวค่ะ เพราะในหลายๆ ครั้งที่มีเหตุการณ์เด็กท้องร่วงในโรงเรียน อาหารที่เป็นผู้ต้องสงสัยอันดับแรกก็คือข้าวมันไก่นั่นเอง เป็นเพราะถ้าเราปล่อยไก่ที่ต้มสุกไว้นานเกินกว่า 5 ชั่วโมง เชื้อจุลินทรีย์ทั้งชนิดก่อโรคและไม่ก่อโรคที่ปนเปื้อนอยู่ในเนื้อไก่ อย่างเชื้อแสตปฟิโลคอคคัส ออเรียส อาจเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้คลื่นไส้ อาเจียนอย่างรุนแรง ท้องเดิน ปวดท้อง ตะคริวที่ท้อง ชักกระตุก หนาวสั่น อ่อนเพลีย ช็อก และอาจเป็นลมได้

 

2. ข้าวผัดปู

ข้าวผัดปูเป็นเมนูที่เด็กๆ ชื่นชอบ แต่รู้ไหมว่า ข้าวผัดที่ผัดทิ้งไว้นานๆ อาจทำให้พบเชื้อ Bacillus cereus (บาซิลลัส ซีเรียส) หรือที่รู้จักในนามของ Fried-Rice Syndrome ซึ่งเชื้อโรคนี้จะกระจายตัวเป็นสองเท่า ภายในสามสิบนาทีเมื่วางทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องเป็นระยะเวลานาน ยิ่งมีส่วนประกอบของอาหารทะเลอย่างเนื้อปูที่เสียได้ง่าย ก็อาจส่งผลให้ท้องร่วงมากยิ่งขึ้น

 

3. ข้าวเหนียวมูน

ข้าวเหนียวมูน ขนมหวานที่ถูกใจใครหลายคนก็เป็นสาเหตุของอาการท้องร่วงได้เช่นกัน เพราะข้าวเหนียวมูนนั้นได้ผ่านกระบวนการมูนด้วยกะทิ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นวัตถุดิบที่เสียได้ง่ายเมื่อวางในอุณหภูมิห้อง เมื่อรวมกับข้าวเหนียวที่ดูดซับน้ำกะทิเข้าไป ยิ่งอากาศร้อนก็ยิ่งเสี่ยงทำให้เสียง่ายขึ้น

 

4. อาหารที่มีส่วนผสมของกะทิ

อย่างที่บอกว่ากะทิเป็นวัตถุดิบที่เสียได้ง่าย ดังนั้นอาหารที่มีส่วนผสมของกะทิจึงไม่ควรตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้องแล้วกลับมาทาน เพราะกะทิในอาหารอาจบูดได้ บางเมนูอาจมีรสชาติเปรี้ยวอยู่แล้ว พอบูดก็ไม่รับรู้รสชาติว่าเป็นรสชาติอาหารหรือของที่เสีย จึงแยกออกได้ยากและเสี่ยงที่จะทานของบูดเข้าไปได้

 

5. น้ำแข็งและน้ำเปล่า

อาหารง่ายๆ สุดแสนจะใกล้ตัวอย่างน้ำเปล่าและน้ำแข็ง อาจเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ท้องร่วงได้ เพราะกระบวนการผลิตที่ไม่สะอาดมากพอ เช่น การใช้กระบุงในการโกยน้ำแข็ง ลากถุงน้ำแข็งไปกับพื้น ดังนั้นก่อนที่จะให้ลูกทานน้ำแข็งควรดูคุณภาพก่อน คือ น้ำแข็งต้องใส สะอาด ไม่ขุ่น ไม่หมอง ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเจอปน และไม่มีกลิ่น ถ้าจะให้ดีแนะนำว่าทำน้ำแข็งเองก็จะดีกว่าค่ะ

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save