fbpx

จะดีไหมนะ? ถ้าอยากให้ลูกน้อยทานมังสวิรัติ

: 21 เมษายน 2564

พักหลังมานี้คุณพ่อคุณแม่อาจได้เห็นว่าการกินมังสวิรัติ (veganism) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เราได้ยินประโยชน์และสิ่งดี ๆ จากการกินมังสวิรัติ ว่านอกจากจะดีต่อร่างกายแล้ว ยังดีต่อโลกใบนี้อีกด้วย แต่ถ้าอยากเปลี่ยนมากินเข้าจริง จะดีต่อสุขภาพของเราและลูกน้อยไหมนะ?

ถึงแม้ว่าการกินอาหารที่ทำจากพืชผักผลไม้อย่างเดียวจะส่งผลดีต่อร่างกาย แต่ในเวลาเดียวกันก็มีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในแง่ของสารอาหารที่จะได้รับค่ะ สิ่งเหล่านั้นมีอะไรกันบ้าง เรามาดูกันเลยดีกว่า

 

วีแกนคืออะไร?

วีแกน หรือที่เรามักรู้จักในชื่อไทยว่ามังสวิรัติ คือทางเลือกในการรับประทานอาหารอย่างหนึ่ง โดยคำว่ามังสวิรัตินั้นประกอบไปด้วย “มังสะ” หรือเนื้อสัตว์ และ “วิรัติ” ที่แปลว่าการงดเว้น

แน่นอนว่าการกินมังสวิรัตินั้นไม่ได้มีแค่เพียงอย่างเดียว แต่สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายหมวดหมู่ ซึ่งหมวดหมู่ของการกินมังสวิรัติสามารถแยกได้ถึง 6 ประเภท ได้แก่:

  1. Vegan (มังสวิรัติบริสุทธิ์) ไม่รับประทานผลิตภัณฑ์ทุกชนิดจากสัตว์
  2. Lacto-ovo vegetarian (มังสวิรัตินมและไข่) ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ แต่ยังรับประทานนมและไข่
  3. Lacto vegetarian (มังสวิรัตินม) รับประทานนม แต่งดไข่
  4. Ovo vegetarian (มังสวิรัติไข่) รับประทานไข่ แต่งดนม
  5. Pesco vegetarian (มังสวิรัติปลา) ไม่รับประทานเนื้อ แต่ยังรับประทานเนื้อปลาและอาหารทะเล
  6. Semi vegetarian (กึ่งมังสวิรัติ) ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ใหญ่หรือเนื้อแดง (เนื้อวัว เนื้อหมู) แต่ยังรับประทานเนื้อปลา ไก่ นม และไข่

ซึ่งการกินเจ ก็นับเป็นมังสวิรัติอย่างหนึ่ง แต่จะงดทานผักฉุน 5 ประเภท อาหารรสจัด และรักษาศีลในช่วงเวลาที่กินเจอีกด้วย

 

ข้อดีของการกินมังสวิรัติ

การเลือกกินมังสวิรัตินั้นมีหลากหลายสาเหตุ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเรื่องสุขภาพนั่นเองค่ะ เพราะการรับประทานมังสวิรัตินั้น นอกจากจะลดความเป็นไปได้ในการเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ ลดความดัน คลอเรสเตอรอล และอาจช่วยป้องกันมะเร็งได้ นอกจากนี้แล้ว การกินมังสวิรัติยังช่วยป้องกันไม่ให้เรารับประทานไขมันและคลอเรสเตอรอลมากเกินไปในชีวิตประจำวันอีกด้วย

อีกหนึ่งข้อดีของการรับประทานมังสวิรัติคือการช่วยลดโลกร้อน อ่านถึงตรงนี้แล้วคุณพ่อคุณแม่อาจจะสงสัยใช่ไหมคะ? การทานมังสวิรัติเป็นอีกทางที่ช่วยลดรอยเท้านิเวศน์จากการบริโภค เพราะการปศุสัตว์นั้นใช้น้ำ พื้นที่ และพลังงานเป็นปริมาณมากกว่าการปลูกผักค่ะ

 

เด็กกินมังสวิรัติได้ไหม?

The Academy of Nutrition and Dietetics สหรัฐอเมริกา ได้ระบุไว้ว่าการรับประทานมังสวิรัติอย่างถูกวิธีนั้นสามารถช่วยพัฒนาสุขภาพและป้องกันโรคภัยบางชนิดให้กับผู้รับประทานได้

แน่นอนว่าเด็กวัยเจริญเติบโตสามารถกินมังสวิรัติได้ แต่ควรรับประทานอย่างถูกวิธีเพื่อให้เขาได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนค่ะ การกินมังสวิรัตินั้นตัดตัวเลือกในการรับประทานอาหารที่มีโปรตีน แคลเซียม ไขมันและวิตามินจากเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ หากต้องการให้ลูกน้อยกินมังสวิรัติ ควรให้กินของที่มีสารอาหารทดแทนเพื่อร่างกายที่แข็งแรงค่ะ

 

สารอาหารทดแทนที่ควรได้รับ

อย่างที่กล่าวไว้ การกินมังสวิรัตินั้นเป็นการตัดตัวเลือกในการรับสารอาหารจากเนื้อและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากสัตว์ ซึ่งนั่นแปลว่าคุณพ่อคุณแม่ควรทดแทนสารอาหารนั้น ๆ ให้เพียงพอต่อความต้องการของลูกน้อยค่ะ

  • โปรตีน: เนื่องจากอาหารมังสวิรัติส่วนใหญ่มีปริมาณโปรตีนที่น้อยกว่าเนื้อสัตว์ ควรเพิ่มอาหารจำพวกถั่วและธัญพืชต่าง ๆ ทดแทนโปรตีนในเนื้อสัตว์ โปรตีนถั่วเหลืองเองก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน
  • แคลอรี่: ร่างกายของเด็กต้องการแคลอรี่เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานให้แก่เขา อาหารมังสวิรัติมีปริมาณแคลอรี่ที่ต่ำกว่าอาหารจากสัตว์ อีกทั้งยังมีไฟเบอร์มากกว่า ทำให้เด็กรู้สึกอิ่มไวและไม่ได้รับแคลอรี่เพียงพอต่อวัน ให้เขาได้กินหลายมื้อต่อวัน หรือมีของทานเล่นระหว่างวันสามารถช่วยให้เขาได้รับพลังงานที่เพียงพอได้ค่ะ
  • วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ: ส่วนใหญ่แล้วคนที่รับประทานมังสวิรัติมักได้รับวิตามิน B-12 แคลเซียม วิตามิน D สังกะสี ธาตุเหล็ก และโอเมก้า 3 ในปริมาณน้อยกว่าคนที่รับประทานเนื้อสัตว์ อย่างไรก็แล้วแต่ ยังมีอาหารที่สามารถทดแทนได้ดังนี้ค่ะ:
  • วิตามิน B-12: นมถั่วเหลืองหรือนมข้าวเสริมวิตามิน ซีเรียลเสริมวิตามิน และเนื้อเทียมต่าง ๆ
  • แคลเซียม: บรอคโคลี่ เคล ผักกวางตุ้ง น้ำส้มเสริมแคลเซียม นมถั่วเหลืองหรือนมข้าวเสริมแคลเซียม ซีเรียล ถั่วเหลือง ถั่วขาว ข้าวโอ๊ต ข้าวขาว
  • วิตามิน D: นมถั่วเหลืองหรือนมข้าวเสริมแคลเซียม และซีเรียลเสริมวิตามิน
  • สังกะสี: ข้าวโอ๊ต ถั่วเหลือง ถั่วขาว ผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ ถั่วเลนทิล ผักโขม ข้าวบาร์เลย์ ถั่วลูกไก่ ถั่วลันเตา มันฝรั่ง มันหวาน เห็ด
  • ธาตุเหล็ก: ซีเรียลเสริมธาตุเหล็ก ถั่วต่าง ๆ ถั่วลูกไก่ ผักใบเขียวต่าง ๆ และเต้าหู้
  • โอเมก้า 3: เมล็ดเจีย เมล็ดกัญชง เมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท ถั่วแระญี่ปุ่น สาหร่าย และเมล็ดฟักทอง

นอกจากนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อสอบถามว่าลูกน้อยจำเป็นต้องรับประทานวิตามินเสริมเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอหรือไม่ค่ะ

อ้างอิงจาก: parents, sookkasean

Writer Profile : phanthirapuyou

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save