fbpx

ไฟเบอร์ดียังไง? ควรเพิ่มไฟเบอร์ในเมนูอาหารลูกยังไงนะ?

: 1 ตุลาคม 2563

ระบบขับถ่ายที่ดีนั้นมาคู่กับการรับประทานไฟเบอร์หรืออาหารที่มีกากใยอย่างพอเพียง แล้วไฟเบอร์นั้นคืออะไรล่ะ? ไฟเบอร์คือคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ คอยดักจับคลอเรสเตอรอลและของเสียก่อนจะถูกขับออกจากร่างกาย ช่วยให้ระบบขับถ่ายร่างกายเราสะอาดและสุขภาพดี และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เราต้องเคยได้ยินกันมาบ้างล่ะค่ะว่าไฟเบอร์ช่วยแก้อาการท้องผูก

ซึ่งไฟเบอร์นั้นก็สำคัญมาก ๆ กับเจ้าตัวเล็กของเรา หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้เจ้าตัวเล็กร่างกายแข็งแรง ก็ไม่ควรมองข้ามไฟเบอร์เลยค่ะ แต่เราจะเพิ่มไฟเบอร์ลงในเมนูเจ้าตัวเล็กยังไง แล้วเขาควรกินเท่าไหร่นะ ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ!

ไฟเบอร์ช่วยอะไรได้บ้าง?

นอกจากจะช่วยป้องกันท้องผูกแล้ว ไฟเบอร์นั้นยังช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย เพราะการรับประทานอาหารที่มีกากใยจะช่วยทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ช่วยลดคลอเรสเตอรอลในร่างกาย ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น ป้องกันโรคหัวใจและโรคเบาหวาน

ไฟเบอร์มีอยู่สองประเภท ซึ่งมีหน้าที่แตกต่างกันไป และล้วนมีประโยชน์ของร่างกายเราทั้งสิ้น ซึ่งไฟเบอร์นั้นมี:

ไฟเบอร์ละลายน้ำได้: ช่วยลดคลอเรสเตอรอลในร่างกาย ควบคุมปริมาณน้ำตาลในกระแสเลือด

ไฟเบอร์ละลายน้ำไม่ได้: ช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้น ป้องกันท้องผูก ช่วยดูดซึมสารพิษและของเสียให้ขับถ่ายออกมาได้ มีสรรพคุณคล้ายยาระบาย

ปริมาณไฟเบอร์ที่เด็กต้องการในแต่ละวัน

ทั้งเด็กและผู้ใหญ่นั้นควรได้รับไฟเบอร์ 14 กรัมต่อการกินอาหาร 1,000 แคลอรี่ ซึ่งเด็กเล็กตั้งแต่อายุ 1-3 ขวบนั้นควรรับประทาน 19 กรัมต่อวัน และเด็กอายุ 4-8 ขวบ ควรได้รับไฟเบอร์ 25 กรัมต่อวัน

แต่การเพิ่มปริมาณไฟเบอร์ในมื้ออาหารนั้นควรให้รับประทานอย่างค่อยเป็นค่อยไป หากให้รับประทานไฟเบอร์ปริมาณมากภายในครั้งเดียวจะทำให้ปวดท้อง มีแก๊สในกระเพาะ หรือท้องอืดได้ค่ะ นอกจากนี้แล้วยังลดการดูดซึมสารอาหารของร่างกายด้วย

เมนูอุดมไฟเบอร์สำหรับเจ้าตัวเล็ก

เพราะการได้รับกากใยที่พอเพียงไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่เบื่อ มีอาหารอุดมไฟเบอร์จำนวนมากที่กินง่าย สามารถนำไปทำเมนูเอาใจเจ้าตัวเล็กได้อีกมากมายเลยทีเดียวค่ะ

ซึ่งหลัก ๆ แล้วอาหารที่มีกากใยสูงนั้นมีผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด ข้าวกล้อง ถั่วต่าง ๆ ที่สามารถนำมาใส่ในเมนูอาหารของเจ้าตัวเล็กได้ง่าย ๆ หรือเพิ่มเป็นของว่าง ของหวานไว้กินได้ระหว่างวัน

  • ต้มจืดผักกาดขาว
  • ดอกกระหล่ำผัดไข่
  • ผักกาดขาวห่อหมู
  • แซนด์วิชขนมปังโฮลวีต
  • พาสต้าเส้นโฮลวีต
  • เสิร์ฟผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ หรือแอปเปิ้ลไม่ปอกเปลือกเป็นของหวาน
  • คุกกี้ข้าวโอ๊ต
  • ข้าวโพดคั่ว
Writer Profile : phanthirapuyou

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save